Category ข่าวกีฬา

เจมี่ คล็อปป์

เจมี่ คาราเกอร์ สนับสนุน คล็อปป์ ต้องการที่จะให้อยู่เกิน 8 ปี !

“เจมี่ คาราเกอร์” ตำนานหงส์แดง สนับสนุนให้ “เจอร์เก้น คล็อปป์” อยู่ต่อ พร้อมเปิดเผยเหตุสโมสรไม่ซื้อกองกลางเพิ่ม หลังเกมพรีเมียร์ลีกที่ “ลิเวอร์พูล” หงส์แดง บุกแพ้ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน แบบหมดรูป 3-0 ทำให้เจอร์เก้น ที่ปรึกษาลิเวอร์พูลตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่มากขึ้น เพราะเหตุว่าอาจส่งผลต่อตำแหน่งของเขากับสโมสรหากแม้พาทีมประสบความสำเร็จหลังคุมมาตั้งแต่ปี 2015 หลังจากแพ้เกมเยือนในพรีเมียร์ลีกติดต่อกัน 3 นัด ตั้งแต่ขึ้นปีใหม่

คล็อปป์

“เจมี่ คาราเกอร์” กล่าวถึงสถานการณ์ของหงส์แดงและ คล็อปป์ ว่า

“ส่วนตัวผมและอาจอาจจะแฟนลิเวอร์พูลอีกหลายคนยังต้องการให้เจอร์เก้น คล็อปป์คุมทีมต่อฤดูกาลหน้านะ ถึงแม้ปัญหาตอนนี้มันจะห่วยมากก็ตาม”

“ถึงแม้ตอนนี้ทีมจะมีปัญหามากมาย แต่ว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลหน้า ผมมีความรู้สึกว่าสโมสรและแฟนลิเวอร์พูลไม่ต้องการใครนอกเหนือจากเขาแล้วล่ะ คือคล็อปป์สามารถเพิ่มกำลังเสริมในแนวรุกได้ สโมสรใช้เงินจำนวนมากไปกับดาร์วิน นูนเญซ และโคดี้ กัคโป แต่กับตำแหน่งกองกลางแค่ยืมอาร์ตูร์มาจากยูเวนตุสเนี่ยนะ”

คาราเกอร์เสริมว่า “สโมสรมีรายได้พอซื้อกองกลางเพิ่ม โดยยิ่งไปกว่านั้นอย่างยิ่งตอนที่พยายามซื้อ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ แต่ว่าก็โดนเรอัล มาดริด ฉกตัวไปในราคา 60-70 ล้านปอนด์ พอดีลชูอาเมนี่ล้มเหลว สโมสรก็เลิกล้มแผนการคว้าตัวกองกลาง ทำให้คล็อปป์และสตาฟทีมหานักเตะตัดสินใจกันว่า ไม่ต้องซื้อกองกลางเพิ่มก็ได้”

ในปัจจุบันยอดทีมห่งมอร์ซีย์ไซด์ ยังคงอยู่โซนกลางตารางหลังบุกแพ้วูล์ฟแฮมป์ตันเมื่อวันเสาร์ (4 เดือนกุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา นับเป็นการแพ้นอกบ้านนัดที่ 3 ติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ขณะที่หงส์แดงชนะเพียงแค่เกมเดียวคือเกมชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 ในรายการเอฟเอ คัพ รอบ 3 นัดรีเพลย์

เจมี่

คล็อปป์ ห่วย !! “ลิเวอร์พูล” แพ้ฤดูกาลนี้ มากกว่า 3 ปีรวมกัน

สถานการณ์ หงส์แดง ยังย่ำแย่ การบุกแพ้ วูล์ฟส์ ทำให้พวกเขาแพ้ฤดูกาลนี้ มากกว่า 3 จาก 4 ฤดูกาลก่อนรวมกัน

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งกลับมาได้ เมื่อคืนก็บุกไปแพ้ วูล์ฟส์ เยิน 0-3 ทำให้ยังอยู่อันดับ 10 ของตารางพรีเมียร์ลีก โดยนี่เป็นการแพ้นัดที่ 7 แล้วในฤดูกาลนี้ ซึ่งสกอว์ก้า (Squawka) เผยสถิติที่ไม่น่าประทับใจของ หงส์แดง เพราะว่าฤดูกาลนี้ พวกเขาแพ้มากกว่า 3 จาก 4 ซีซั่นก่อนรวมกัน

2018/19 แพ้เพียงแต่นัดเดียว

2019/20 ปีที่ได้แชมป์ แพ้ 3 นัด

2021/22 แพ้ 2 นัด

ยกเว้น 2020/21 พวกเขาแพ้ไป 9 นัด

ด้วยผลงานที่ไม่กระเตื้องขึ้น ทำให้แฟนหงส์บางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ว่านี่อาจจะถึงเวลาที่ เจอร์เก้น ผู้จัดการทีมฟุตบอลเยอรมันจะต้องอำลาทีมแล้วหรือเปล่า เนื่องจากว่าล่าสุดบ่อนรับพนันถูกกฎหมายในอังกฤษ ก็ให้ คล็อปป์ เป็นเต็ง 3 ผู้จัดการทีมที่จะโดนปลด

อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ยอมรับว่าเขาไม่ได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ หลายครั้งที่สื่อถามคำถามว่าสภาพจิตใจเกี่ยวกับฟอร์มตอนนี้ไหม แน่นอนว่าใช่ และการลงเล่นมากกว่า 60 นัดในฤดูกาลที่และจากนั้นก็มีผลจริง แม้กระนั้นนี่ก็ผ่านมาจนเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ถึงเวลาที่ต้องดีขึ้น ทีมต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อกลับมาคว้าชัยชนะให้ได้ และศึกใหญ่ที่รออยู่สัปดาห์หน้าก็คือ เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ กับ เอฟเวอร์ตัน

ลิเวอร์พูล

FSG มึนไร้ข้อเสนอซื้อ “ลิเวอร์พูล”

ดิ แอธเลติก สื่ออังกฤษ เผยออกมาว่า เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป ยังไม่ได้รับข้อเสนอขอซื้อ หงส์แดง นับตั้งแต่ประกาศขายสโมสรเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว

FSG ประกาศขาย “ลิเวอร์พูล” เมื่อเดือน พฤศจิกายน ปีที่แล้วด้วยราคาไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 2.7 พันล้านปอนด์ ซึ่งมีรายงานอ้างว่าตอนนี้ หงส์แดง กำลังเจอปัญหาเนื่องมาจากยังไม่มีข้อเสนอ หรือผู้ซื้อที่พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสโมสรแบบทั้งหมดหรือบางส่วน ก็ตาม

รายงานระบุเพิ่มเติมถึงสาเหตุว่าน่าจะมาจากหลายเหตุ ทั้งฟอร์มการเล่นที่ห่วยของลูกทีมของที่ปรึกษาเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่หลุดไปอยู่กลางตารางในลีก รวมถึงสถาน|การณ์เศรษฐกิจโลก ที่ยังไม่มีความแน่นอน

นอกเหนือจากนั้น การตัดสินใจของตระกูลเกลเซอร์ ที่ต้องการขายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากการประกาศของเอฟเอสจี 2 สัปดาห์ ก็มีผลอย่างยิ่งเช่นกัน

ฟุตบอล อินไซเดอร์ กล่าวว่า โจแอล มาติป เซนเตอร์ฮาล์ฟอดีตทีมชาติแคเมอรูนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เตรียมที่จะถูกพิจารณาขายออกมาจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้ แม้สัญญาปัจจุบันยังมีถึงเดือนมิถุนายนปี 2024 ก็ตาม รายงานระบุบอร์ดบริหารลิเวอร์พูล พิจารณาจากฟอร์มการเล่นและเตรียมเคาะชื่อ มาติป เป็นหนึ่งในแข้งที่เตรียมย้ายทีมตามกลยุทธ์ผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ในตอนซัมเมอร์นี้

ทั้งนี้ มาติป ย้ายจาก ชาลเก้ 04 มาอยู่ลิเวอร์พูล แบบไม่มีค่าตัวปี 2016 มีส่วนสำคัญในความสำเร็จคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพอย่างละ 1 สมัย

ติอาโก้ ซิลวา

ติอาโก้ ซิลวาเปิดเผยเตรียมต่อสัญญาใหม่เชลซี

ติอาโก้ ซิลวา ปราการหลังจอมเก๋าทีมชาติบราซิล ออกมาให้ข่าวดีกับแฟนบอลของสิงห์บลูส์ว่าเขาใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงในการต่อสัญญาใหม่กับทีมแล้ว ซึ่งคาดว่าทุกอย่างคงจะเสร็จเรียบร้อยในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

ซิลวา

ซิลวา ปราการหลังจอมแกร่งของ เชลซี ออกมาเผยว่า

ตอนนี้เขา กำลังทำการ คุยสัญญาใหม่ กับทีม ต้นสังกัดอยู่ ซึ่งคาดว่า การเจรจาน่าจะ ดำเนินไปด้วยดี และคงจะมีบทสรุป ออกมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

ปราการหลังจอมเก๋าชาวบราซิล ย้ายจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาค้าแข้งอยู่ในถิ่น แสตมฟอร์ด บริดจ์ ในปี 2020 ซึ่งเขาก็ยังคง ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นตัวหลัก และ หัวใจใน แนวรับของทีม มาโดยตลอด ถึงแม้ว่าอายุของเจ้าตัว จะปาเข้าไป 38 ปีแล้วก็ตาม

ในขณะที่ สัญญาฉบับในปัจจุบันของเขา กับทีมสิงห์บลูส์ จะหมดลงหลังจบฤดูกาลนี้ ทำให้แฟนคลับหลาย ๆ คนสงสัยว่า เขาจะทำการ ต่อสัญญา กับทีม ออกไปหรือไม่ ท่ามกลางข่าวลือว่าจอมเก๋ารายนี้บางทีอาจจะกลับไปค้าแข้งในช่วงบั้นปลายอาชีพ ในประเทศบ้านเกิด อย่างแดนแซมบ้า

ทว่า ล่าสุด ติอาโก้ ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ความปรารถนาของเขา ในตอนนี้คืออยู่กับ เดอะ บลูส์ ถัดไป ซึ่งเขากำลัง ทำการเจรจาสัญญาใหม่อยู่ และ คาดว่าน่าจะสำเร็จเสร็จไปได้ด้วยดี ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

“เรากำลังมีการพูดคุยเรื่องนี้กันอยู่ (สัญญาใหม่) และทุกๆอย่างน่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ความตั้งใจของผม และ สโมสรก็คือการอยู่ด้วยกันต่อไป และ ผมก็รู้ว่า สโมสร ต้องการผม ในตอนนี้” เซ็นเตอร์แบ็ควัย 38 ปี กล่าวผ่าน ESPN

“ผมมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือ ที่นี่มีนักเตะอายุน้อยมากมาย อย่างไรก็ตาม ผมทราบดีว่าด้วยประสบการณ์ของผมสามารถช่วยทีมในเรื่องสร้างกระบวนการทีมขึ้นมาใหม่ มาอยูที่นี่ก็เพื่อสิ่งนั้น ผมเต็มใจที่จะช่วยทำสิ่งนี้ และผมทราบดีว่าความรับผิดชอบของผมนั้นยิ่งใหญ่มาก”

สำหรับ ติอาโก้ ลงเล่นให้กับ เชลซี ไปแล้ว 105 เกม ทำได้ 5 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ พร้อมช่วยทีมสิงห์บลูส์คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ สโมสรโลก ได้อย่างละ 1 สมัย

ในขณะที่ เชลซี ในตอนนี้กำลังอยู่ตกอยู่ในช่วงฟอร์มตกอย่างหนัก โดยที่พวกเขาร่วงลงมาอยู่ในอันดับที่ 10 ของตารางคะแนนหลังจากที่ผ่านตอนครึ่งฤดูกาลแรก

ติอาโก้ ซิลวา เชลซี

เพราะอะไรนักฟุตบอลตัวเก๋า จึงจำเป็นต่อทีมในการลุยศึกฟุตบอลโลก

ถ้าเกิดกล่าวถึงสตาร์ฝีเท้ายอดเยี่ยมที่ได้มาลุยศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย แล้วได้เป็นแกนหลักของทีมที่มีอายุใกล้แตะหลักสี่ แฟนบอลส่วนมากอาจพุ่งเป้าไปที่ ไอคอนนิค จอมสร้างคอนเทนต์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้

แต่ใครเลยจะเชื่อว่า ทีมชาติบราซิล ตัวเต็งเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลก 5 สมัย ที่มีผู้เล่นชั้นเยี่ยมให้เลือกใช้จนล้นมือ ขนาดที่หลายชาติยังรู้สึกอิจฉารายชื่อผู้เล่นที่ตัดทิ้งไปยังเลือกไว้ใจชายที่ชื่อว่า ติอาโก้ ซิลวา แนวรับจากสโมสรเชลซี ให้มีชื่อติดทีมเข้ามา แถมยังเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแผงหลังตัวกลางอีกด้วย

แนวรับรายนี้มีดีอะไร ? เพราะอะไรเขาถึงยังค้าแข้งอยู่ในระดับสูงได้แบบไม่เขิน แถมยังได้รับความไว้วางใจจาก ติเต้ ผู้จัดการทีมที่นักฟุตบอลแซมบ้าเคารพกันสุดหัวใจ และอยู่ร่วมกับนักฟุตบอลรุ่นน้องๆได้แบบไม่ตกยุค

การอดทนต่อเสียงวิจารณ์ เน้นย้ำใช้ผลงานตอกหน้าสื่อ
ผู้เล่นตำแหน่ง เอาต์ฟิลด์เพลเยอร์ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งแนวรับ กองกลาง หรือแนวรุก ล้วนมีอายุสั้นกว่าตำแหน่งผู้รักษาประตู ถึงแม้ว่าจะพยายามดูแลร่างกายตัวเองดีเพียงใดเฉลี่ยอายุการใช้งานทั่วไปสำหรับเพื่อการค้าแข้งบนลีกสูงสุดแบบไม่เสียรังวัดก็มักไม่เกิน 35 ปี

เฉพาะในตำแหน่งปราการหลังที่จำเป็นต้องใช้ความเร็วและความกระปรี้กระเปร่าสำหรับในการดวลกับผู้เล่นแนวรุกฝ่ายตรงข้าม แบบพลาดเพียงแค่ครั้งเดียวก็จะกลายเป็นภาพจำติดตาแฟนบอลไปตลอดจนเกือบจะไม่มีทางลบฝันร้ายไปได้

เพราะว่าสื่อบนโลกออนไลน์เวลานี้มีการจับภาพวิดีโอการเล่นทั้งดีและห่วยมาเผยแพร่เพื่อความบันเทิงและเรียกยอดไลก์ยอดวิว สร้างรายได้เข้าบัญชีกันแทบทุกนาที แต่ว่าสภาพร่างหลังผ่านตอนอายุ 28-32 ปี ซึ่งเป็นตอนพีกสุดของการค้าแข้งย่อมลดทอนสมรรถนะให้แพ้ต่อเรื่องสังขารไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ติอาโก้

ประสบการณ์สอนให้เป็น ผู้แพ้ ก่อนเป็น ผู้ชนะ

ก่อนที่ซิลวาจะประสบความสำเร็จแบบทุกวันนี้ได้ เขาจะต้องพบกับความผิดหวังมานับครั้งไม่ถ้วนตามแบบฉบับของนักฟุตบอลจากประเทศบราซิลที่มีกีฬาฟุตบอลเป็นกิจกรรมฆ่าเวลายามว่างยอดฮิต แล้วสามารถพัฒนาตนเองเพื่อแข่งขันกับผู้อื่นต่อยอดเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้ในอนาคต

ซิลวา ในวัย 14 ปีเคยได้รับเทียบชักชวนให้ไปทดลองฝีเท้ากับ ฟลูมิเนนเซ่ แต่กลับไม่ผ่านเกณฑ์ ซึ่งตัวเขาก็ไม่ได้ลดละความพยายาม เดินหน้าเข้ารับเลือกสรรกับอีกหลายสโมสร ทั้งในลีกสูงสุดและทีมในลีกรอง แต่ว่าก็มีจุดจบไม่ไม่เหมือนกัน

จนถึงมาเจอจุดหักเหในการแข่งขันในเมือง เซา เปาโล ซิลวาได้ลงลงโชว์สมรรถนะด้วยการแข่งจริงที่เป็นบันไดปูทางให้เขาได้ย้ายไปอยู่กับ อาร์เอส ฟุตบอล ก่อนจะไปต่อยอดกับ ยูเวนตูเด้ ทีมที่ใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา

ซิลวาถูกปรับตำแหน่งจากกองกลางตัวรับให้มายืนเป็นกองหลังตัวกลาง แล้วผลงานก็พัฒนาจนถึงไปสะดุดตา เอฟซี ปอร์โต้ ทีมจอมปั้นจากประเทศโปรตุเกส ที่ดึงตัวเขาไปเล่นในยุโรปเป็นสโมสรแรก แต่ว่าซิลวากลับไม่ได้รับโอกาสให้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่แม้กระทั้งเกมเดียว ก่อนปล่อยให้ไปพเนจรกับ ดินาโม มอสโก สโมสรในลีกรัสเซีย

กวาร์ดิโอล่า 7 สตาร์

กานเซโล่ รายล่าสุด? 7 สตาร์ไม่ลงรอยกับ กวาร์ดิโอล่า

ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมฟุตบอลที่เยี่ยมที่สุดชั่วกับชั่วกัลป์ แต่ว่าช่วงเวลาเดียวกัน ผู้จัดการทีมฟุตบอลกาตาลันก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกทีมเสมอไป อาจเป็นเพราะเนื่องจาก เป๊ป ได้ชื่อว่าเป็นนายใหญ่ที่มีความต้องการสูงปรี๊ด และรายละเอียดยิบย่อยของเขาอาจก่อให้นักเตะหงุดหงิดได้เหมือนกัน

จนกระทั่งล่าสุดมีการลือกันว่า ชูเอา กานเซโล่ ย้ายไปร่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค แบบน่าช็อกภายใต้สัญญายืมตัวโดยมีอ็อปชั่นซื้อขาดก็เป็นด้วยเหตุว่าดาวเตะทีมชาติ โปรตุเกส มีปัญหากับ เป๊ปถึงแม้พ่อค้าแข้งวัย 28 ปีจะปฏิเสธโดยยืนยันว่าเขาเพียงแค่อยากจะลงสนามอย่างเป็นประจำเท่านั้น

7 ดาวดังที่เคยผิดใจกับ กวาร์ดิโอล่า

จะอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่จะถึงคิวของ กานเซโล่ นี่ก็คือ 7 ดาวดังที่เคยผิดใจกับกุนซือสกินเฮดมาก่อน

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

“คุณซื้อ แฟร์รารี่ แต่คุณขับมันเหมือน เฟี๊ยต”

อิบราฮิโมวิช เอ่ยคำคมนี้ออกมาหลังอำลาทีม อินเตอร์ มิลาน ไปร่วมงานกับ กวาร์ดิโอล่า ในปี 2009

บาร์ซ่า ควักเงิน 59 ล้านปอนด์ดึงดาวยิงร่างยักษ์มาเสริมทัพ แต่ว่าไม่นานเท่าไหร่สองผู้ยิ่งใหญ่ก็ผิดใจกัน และเป็นสตาร์สวีดิชที่กระเด็นออกมาจาก คัมป์นู กลับสู่ลีกเมืองพิซซ่าในเวลาแค่ฤดูกาลเดียวเพียงแค่นั้น

“ในฐานะโค้ช เขาเยี่ยมมาก ในฐานะบุคคล ผมไม่มีคอมเมนต์ มันเป็นอีกเรื่องเลย เขาไม่ใช่ลูกผู้ชาย ผมไม่มีอะไรจะพูดอีก” อิบรา เอ่ย

ซามูเอล เอโต้

“ประสบการณ์ของผมกับ เป๊ป ที่ บาร์เซโลน่า เป็นไปอย่างที่มันเป็น แต่ในทางส่วนตัวมันไม่เป็นอย่างที่เราหวัง นักเตะหลายรายบอกสิ่งเดียวกันนี้กับผม”

เอโต้ เป็นนักเตะบิ๊กเนมอีกรายที่มีความสัมพันธ์ไม่สู้ดีกับ เป๊ป รวมทั้งในที่สุดเขาก็เป็นข้างได้หัวเราะทีหลังจากดังกว่าตอนที่ อินเตอร์ มิลาน เอาชนะ บาร์ซ่า ได้ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือกปี 2010

“ผมไม่อาจเปรียบเทียบ มูรินโญ่ กับ เป๊ป ได้เพราะคนหนึ่งไม่เคยได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก กับ บาเยิร์น แต่อีกคนทำได้กับ ปอร์โต้” อดีตแนวรุกเคยกล่าวเอาไว้

อเล็กซานเดอร์ เคล็บ

อเล็กซานเดอร์ เคล็บ

ตอนเวลาของ เคล็บ ที่ บาร์เซโลน่า เป็นไปอย่างน่าผิดหวังเนื่องจากเขาได้ลงเล่นในเกมลีกเพียงแค่ 19 นัดเพียงแค่นั้น แล้วก็ถูกปล่อยให้ย้ายออกไปแบบยืมตัวหลายหน

แม้เขากับ กวาร์ดิโอล่า จะไม่มองตากัน แต่ เคล็บ เลือกที่จะยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของเขาเอง

“ผมไม่เสียใจที่ย้ายมาที่ บาร์ซ่า อย่างไรก็ดี หลังอำลา บาร์ซ่า ผมเริ่มคิดว่าผมสมควรเป็นคนที่ถูกตำหนิ มีความเปลี่ยนแปลงมากมายในชีวิตส่วนตัวของผม ผมสับสน ผมไม่คิดฟังใครทั้งนั้น” เคล็บ เปิดปากกับทีวีของ รัสเซีย

“ในระยะยาว ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด พวกเราได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2009 แต่ผมอารมณ์เสียมาก ผมลงเล่นทุกนัดก่อนนัดชิงแชมป์ซึ่งผมถูกถอดออกจากทีม ผมไม่คาดรู้สึกว่ามันจะเกิดขึ้น ผมต้องการต่อยเขาหลังเกม”

“ตอนนี้ผมสงบแล้ว ผมเข้าใจเขาเช่นกัน ถ้าผมเป็น เป๊ป ผมก็อาจทำแบบนั้น”

ยาย่า ตูเร่

ตูเร่ จู่โจม เป๊ป สำหรับการให้สัมภาษณ์ต่อ ฟร้องซ์ ฟุตบอล ซึ่งเขาอ้างว่า “เมื่อคุณตระหนักได้ว่าเขามีปัญหากับนักฟุตบอล แอฟริกา ในทุกๆที่ ผมก็เริ่มถามคำถามนี้กับตนเอง”

นับจากบทสัมภาษณ์คราวนั้น ตูเร่ ก็ได้แต่ขออภัยกุนซือสแปนิชโดยยืนยันว่าเขาเสียใจที่เอ่ยออกไปแบบนั้น

“เมื่อมีบางอย่างที่ผิด และคุณก่อความผิดพลาด หรือผู้คนใช้ชื่อของคุณไปในทางที่ผิด คุณก็ต้องทำให้มันถูก” ตูเร่ เอ่ยกับ ดิ แอธเลติก ในเวลาต่อมา

“มันผิดพลาด ผมอยากขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ผมต้องการขอโทษบางอย่างที่ผิด”

ทั้งนี้ กวาร์ดิโอล่า ได้ร่วมงานกับ ตูเร่ ทั้งที่ บาร์เซโลน่า และ แมนฯ ซิตี้ แต่ว่าเขาไม่อาจดึงความสามารถออกมาจากตัวกองกลางทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ได้อย่างที่ควรจะเป็น

เชส ฟาเบรกาส

เชส ฟาเบรกาส

เป๊ป ร่วมงานกับ ฟาเบรกาส ที่ บาร์เซโลน่า หนึ่งฤดูกาล และมีประเด็นที่น่าสนใจภายหลังจากทั้งคู่ผละออกมาจากถิ่น คัมป์นู แล้ว

ฟาเบรกาส เอ่ยกับ มาร์ก้า ในปี 2020 ว่า “ไม่มีความสัมพันธ์กันแล้วในตอนนี้ กับ เป๊ป มันไม่มีอะไรเลย ผมไม่ทราบว่า เป๊ป จะผิดหวังเหมือนกันหรือไม่ สิ่งต่างๆเกิดขึ้นแล้ว แต่ผมไม่ต้องการกล่าวถึงมัน”

“เป๊ป เป็นไอดอลของผมตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมเรียนรู้จากเขามากที่สุด บางทีคงจะตั้งแต่ผมอายุสี่ขวบมาจนถึงตอนนี้”

โจ ฮาร์ท

โจ ฮาร์ท

คงจะเป็นที่จดจำกันได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่ง ฮาร์ท เป็น1ในโกลมือกาวของยุโรป และเป็นที่นิยมชมชอบของกองเชียร์ใน เอติฮัด สเตเดี้ยม เนื่องจากเขาพาทีมครอบครองแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สองสมัย

อย่างไรก็ดี นายทวารคนดังเปิดเผยกับสื่อถึงบทสนทนาระหว่างเขากับ เป๊ป ตอนที่ผู้จัดการทีมฟุตบอลสแปนิชย้ายมาที่ แมนฯ ซิตี้ ว่า “เราคุยกันนานสองชั่วโมง และมันลงเอยโดยที่เขากล่าวว่า “ฉันไม่เห็นว่ามันเวิร์ค”

“ฉันรู้สึกว่าฉันมีไอเดีย ฉันไม่เห็นด้วยกับนาย เขาบอกว่า “ฉันจะเป็นคนแรกที่พิสูจน์ให้เห็นว่ามันผิด นายไม่ใช่ผู้รักษาประตูแบบที่ฉันต้องการ”

ทันใดนั่นเอง เคลาดิโอ บราโว ก็ย้ายมาชิงตำแหน่งไปจาก ฮาร์ท ในทีม แมนฯ ซิตี้ และก็นับจากนั้นผู้เฝ้าประตูอิงลิชก็ไม่เคยเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้อีกเลย

ดานเต้

กวาร์ดิโอล่า โชว์ฝีมือพาทีม บาเยิร์น มิวนิค ครอบครองแชมป์ บุนเดสลีกา ได้สามปีซ้อนแม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแฟนวิธีการของเขา

ดานเต้ อดีตปราการหลัง เสือใต้ เอ่ยกับสื่อว่า “เขาไม่คุยกับคุณ ในฐานะนักเตะ คุณไม่รู้ว่าเหตุการณ์ของคุณจะเป็นยังไง”

“มีโค้ชหลายรายที่มีมุมมองในด้านแท็คติกเข้าขั้นเวิลด์คลาส แต่ในฐานะมนุษย์ พวกเขาไม่ใช่ และมันเป็นกรณีของ กวาร์ดิโอล่า”

เจอร์เก้น คล็อปป์

แล้วจะเอาใครแทน? เดอะค็อป ทนไม่ไหวเรียกร้องปลด เจอร์เก้น คล็อปป์

คล็อปป์ คาโอรุ มิโตมะ กองกลางทีมชาติประเทศญี่ปุ่น สวมบทวีรบุรุษ ทำคะแนนชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้ ไบรท์ตัน แซงชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 เขี่ยแชมป์เก่าตกรอบเอฟเอ คัพ ทำให้หลังจบเกมแฟนบอลต่างเรียกร้องให้ปลดคล็อปป์

หลังจากจบเกม เจอร์เก้น ผู้จัดการทีมฟุตบอลหงส์แดง ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่กี่สัปดาห์ก่อนพวกเรามาเยือนที่นี่ ด้วยฟอร์มที่ห่วยแตกที่สุด ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุมทีม แต่วันนี้พวกเราเล่นได้ดีขึ้น แต่มาเสีย 2 ประตูจากจังหวะลูกตั้งเตะ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เนื่องจากว่าเราควรป้องกันจังหวะเสียประตูทั้ง 2 ลูกได้ดีกว่านี้ ภาษากายของนักเตะบางคน รวมทั้งการยืนตำแหน่งในเกมรับต้องดีกว่านี้ อย่างไรก็ตามเกมนี้พวกเราทำได้ดีกว่าเกมก่อนที่มาเล่นที่นี่ แต่มันยังคงไม่ดีพอ และนั่นเป็นเหตุผลที่เราตกรอบ แล้วก็ต้องยินดีกับ ไบรท์ตัน

แฟนบอลทนไม่ไหว คล็อปป์ พา ลิเวอร์พูล แพ้

ส่วนในเรื่องของตลาดซื้อขาย เมื่อถูกผู้รายงานข่าวถามว่าจะมีนักเตะใหม่เข้ามาเพิ่มเติมก่อนวันปิดตลาดหรือไม่ เจอร์เก้น ตอบสั้นๆว่า จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมนี้อีกแล้ว

โดย แฟนบอล “หงส์แดง” เริ่มทนไม่ไหวกับผลงานการคุมทีมของ เจอร์เก้น ในฤดูกาลนี้ ภายหลังจากที่กระเด็นไม่เข้ารอบฟุตบอลถ้วยในประเทศทั้ง 2 รายการ โดยหลังจบเกมเมื่อคืนนี้ที่ผ่านมา ปรากฎว่าคำว่า “ไล่ออก” และ เจอร์เก้น พุ่งขึ้นติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในสหราชอาณาจักร เสมอเหมือนเป็นการแสดงว่ากองเชียร์เดอะ ค็อป เริ่มเห็นว่าสโมสรเหมาะสมถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมแล้ว

โดยคอมเมนต์ในโซเชี่ยลส่วนใหญ่ สนับสนุนให้สโมสรปลด เจอร์เก้น อาทิเช่น “ผมไม่คัดค้านแน่หาก เจอร์เก้น จะถูกปลดตอนนี้เลย มันไม่ใช่ความพ่ายแพ้แบบโชคร้าย เราเป็นรองทุกรูปแบบกับทุกทีมในซีซั่นนี้” หรือ “คล็อปป์ ต้องโดนไล่ออกตอนนี้เลย ผมประทับใจสิ่งที่เขามอบให้กับสโมสรนี้ แต่มันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง”

4 กุนซือ

ตัวแทนคล็อปป์ !เปิดชื่อ 3 ตัวเก็งที่ปรึกษาใหม่ ลิเวอร์พูล

หลังจากพาทีมบุกมาแพ้ ไบรท์ตัน เป็นครั้งที่สองในรอบสองสัปดาห์ ตกรอบถ้วยสี่ เอฟเอคัพ ในช่วงทดเวลา เจอร์เก้น ผู้จัดการทีมทีม หงส์แดง ก็ถูกแฟนบอล หงส์แดง แผดเสียงเรียกร้องให้ถูกปลดได้แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่านายใหญ่ชาวเมืองเบียร์สร้างผลงานในซีซั่นนี้ได้อย่างเลวร้ายชนิดกูไม่กลับเพราะว่าถึงขณะนี้ เร้ด แมชีน กระเด็นตกรอบฟุตบอลถ้วยสองรายการที่พวกเขาครองแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อนไปเกลี้ยงแล้ว แถมอันดับที่ตารางใน พรีเมียร์ลีก ก็ไม่สู้ดีมีแววพลาดโควต้าลงเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่น้อยเลย

เมื่อเป็นอย่างนี้ กองเชียร์ เดอะ ค็อป ก็เลยชี้ว่าถึงเวลาแล้วที่ หงส์แดง จำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมแม้เท่าที่ผ่านมา คล็อปป์ จะบรรลุผลสำเร็จกับสโมสรอย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะซีซั่นก่อนซึ่งเขาเกือบสร้างประวัติศาสตร์พาทีมจากถิ่น แอนฟิลด์ หยิบแชมป์ได้ครบทั้งสี่รายการ

กระนั้นก็ดีแล้ว ในเมื่อแฟนบอล หงส์แดง ต้องการได้นายใหญ่คนใหม่ นี่ก็คือสามชื่อที่มีโอกาสเสียบแทน คล็อปป์ มากที่สุดจากมุมมองของร้านรับพนัน

สตีเว่น เจอร์ราร์ด

สตีเว่น เจอร์ราร์ด
ในฐานะ ลูกหม้อของ สโมสร สตีวี่ จี ย่อมเป็นชื่อ ที่แฟนบอล หงส์แดง คิดถึงเป็นลำดับต้นๆอยู่แล้วถึงแม้ว่าอดีตกองกลางทีมชาติ อังกฤษ ไม่ได้รีไทร์กับถิ่น แอนฟิลด์ เพราะย้ายไปค้าแข้งกับ แอลเอ แกแลคซี่ เป็นทีมสุดท้าย

ในส่วนของอาชีพกุนซือ เดอะ เจิด เปิดตัวได้สวยกับ เรนเจอร์ส และพาทีมดังของลีกวิสกี้ซิวแชมป์ลีกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีก่อนตัดสินใจปิ๊กบ้านมารับงานคุมทีม แอสตัน วิลล่า แทนที่ ดีน สมิธ

แต่ในที่สุด เจอร์ราร์ด ก็พบความจริงว่า พรีเมียร์ลีก ไม่ได้ง่ายเช่นเดียวกับลีกเมืองน้ำเมา และเขาพาทีม สิงห์ผงาด เก็บชัยชนะในลีกได้เพียงแค่ 32% เพียงแค่นั้นก่อนโดนตะเพิดออกจาก วิลล่า พาร์ค

หลังว่างงานมาพักหนึ่ง นายใหญ่วัย 42 ปีก็กลายเป็นข่าวกับทีมชาติ ประเทศโปแลนด์ แต่เอาเข้าจริงเจ้าตัวก็ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกเนื่องจากไม่มีประสบการณ์รับงานระดับชาติมาก่อน และเป็น แฟร์นานโด ซานโต้ส อดีตบิ๊กบอสทีมชาติ โปรตุเกส ที่ได้รับการแต่งตั้ง

อย่างไรก็ดีแล้ว ในฐานะอดีตกัปตัน เร้ด แมชีน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสาวก เดอะ ค็อป พร้อมอ้าแขนต้อนรับการคืนสู่เหย้าของ เจอร์ราร์ด อย่างแน่ๆถ้า เจอร์เก้น มีอันต้องพ้นไปจากหน้าที่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างยิ่ง เจ้าตัวเคยระบุเอาไว้ว่าหวังได้คุมทีม หงส์แดง ในอนาคต พร้อมดูเพราะ ชาบี อลอนโซ่ หรือไม่ก็ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่น่าจะเหมาะสมกับการเป็นมือขวาของเขา

แน่นอนว่าแม้จะยังผ่านร้อนผ่านหนาวในอาชีพที่ปรึกษามาไม่มากแค่ไหน อีกทั้งผลงานก็ไม่เด่นมากพอ แต่ว่าด้วยดีเอ็นเอ ลิเวอร์พูล ที่มีอยู่ในตัว เจอร์ราร์ด ก็เลยถูกร้านรับพนันเห็นว่าเป็นเต็งสามในข่ายนี้

โธมัส ทูเคิ่ล

โธมัส ทูเคิ่ล
พร้อมรับข้อเสนอคุมทีมระดับบิ๊กอย่างแน่ๆหลังถูก เชลซี ปลดอย่างน่าช็อกพลันที่ ท็อดด์ โบลีห์ เข้ามาเทคโอเวอร์ สิงห์บลูส์ และเศรษฐีแยงกี้เดิมเกมโละคีย์แมนของถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ออกไปจนเกลี้ยง แต่ว่าทำให้ทีมเงินถังของอังกฤษมีผลงานที่สะเปะสะปะสิ้นดี

ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเนื่องจากพิสูจน์ตัวเองใน พรีเมียร์ลีก ได้ดีเกินคาดกับการพาทีมดังแห่งกรุงลอนดอนครอบครองแชมป์เป็นว่าเล่นไม่ว่าจะเป็น แชมเปี้ยนส์ลีก ,เอฟเอคัพ , สโมสรโลก , ยูฟ่าซูเปอร์คัพ รวมทั้งเข้าชิงแชมป์ถ้วย เอฟเอคัพ รวมทั้ง คาราบาวคัพ ได้เป็นที่สำเร็จ

กับการเป็นโค้ชสัญชาติด๊อยทช์เหมือนกับ เจอร์เก้น หลักการทำงานของ ทูเคิ่ล คงไม่แตกต่างไปจากเพื่อนร่วมชาติสักเท่าไหร่ แถมเขาเข้ารับตำแหน่งต่อจาก เจอร์เก้น มาแล้วทั้งในทีม ไมนซ์ และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มันจึงไม่น่าเซอร์ไพรส์อะไรถ้าเกิดเขาจะได้กุมบังเหียน หงส์แดง เช่นเดียวกัน

พูดได้เลยว่าถ้าเกิดได้ ทูเคิ่ล มาเป็นผู้จัดการทีม หงส์แดง ก็คงจะการันตีโทรฟี่จากอดีตนายใหญ่ทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รายนี้ได้เลย แต่บางทีเขาอาจได้กุมบังเหียน สเปอร์ส มากกว่าถ้าเกิดในที่สุดแล้ว อันโตนิโอ คอนเต้ จะอำลา ไก่เดือยทอง ในตอนซัมเมอร์

เป๊ป ไลน์เดอร์ส

เป๊ป ไลน์เดอร์ส
จะมีใครเหมาะนั่งเก้าอี้ต่อจาก เจอร์เก้น มากไปกว่าโค้ชชาวดัตช์ในเมื่อเขาสวมบทเป็นมือขวาของเจ้านายชาวด๊อยทช์อยู่ในเวลานี้

จากการร่วมงานกับ เจอร์เก้น เป็นเวลาสี่ปีที่ แอนฟิลด์ ไลน์เดอร์ส มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของ หงส์แดง เช่นกัน และก็ถ้าเกิดให้ที่ปรึกษาเฮฟวี่เมทัลเลือกคนที่ใช่ต่อการเป็นทายาทของเขา ก็มั่นใจว่าเขาจะชี้นิ้วไปที่ผู้ช่วยวัย 40 ปีรายนี้

นอกเหนือจากที่จะรู้ใจ เจอร์เก้น แล้ว ไลน์เดอร์ส ยังรู้ดีถึงปรัชญา รวมทั้งโครงสร้างของ หงส์แดง อย่างทะลุปรุโปร่งอีกด้วยซึ่งถ้าหากว่าเขาได้รับตำแหน่งต่อจากเจอร์เก้น จริงก็เปรียบเสมือน หงส์แดง กลับไปใช้ระบบ บู๊ทรูม ที่เคยทำให้พวกเขาประสบกับความยิ่งใหญ่ในอดีตอีกรอบ

ถึงแม้อันที่จริง ไลน์เดอร์ส จะมีประสบการณ์การคุมทีมด้วยตนเองเพียงแค่น้อยนิดสมัยกุมบังเหียน เอ็นอีซี ในลีกดิวิชั่นสองของบ้านเกิดช่วงสั้นๆห้าเดือนเมื่อห้าปีก่อน แต่ว่าบริษัทรับพนันของอังกฤษเห็นว่าไม่เป็นปัญหา แล้วก็ยกให้เขาเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้นั่งเก้าอี้นายใหญ่ ลิเวอร์พูล คนถัดไป

แม็คโทมิเนย์

กูรูลั่น นิวคาสเซิ่ล ไม่สนซิว แม็คโทมิเนย์

พอล ปาร์เกอร์ อดีตแนวรับทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ออกโรงประณามเอเยนต์ของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ อย่างดุเดือดว่าโกหกเนื่องจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ไม่มีความคิดคว้ากองกลาง ผีแดง ไปเสริมทีมในเดือน ม.ค.นี้แม้แต่น้อย

สกอตต์

แม็คโทมิเนย์ ดาวเตะทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวกับ นิวคาสเซิ่ล

อย่างหนักว่าจะได้ย้ายไปค้าแข้งกับทีมอีสานก่อนที่ตลาดหน้าหนาวจะปิดตัวสิ้นเดือนนี้เนื่องจาก เดอะ แม็กพายส์ อยากเสริมความแข็งแกร่งเพื่อการันตีโอกาสคว้าอันดับท็อปโฟร์

ต่อกรณีที่ถูกโยงกับตัวรุกทีมชาติ สกอตแลนด์ เอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีม สาลิกาดง ได้ปฏิเสธข่าวลือไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง จนถึงล่าสุดเมื่อ 26 ม.ค. พาร์เกอร์ ได้จวกเอเยนต์ของนักฟุตบอลว่าโกหก

“ผมอ่านเจอข่าวโคมลอยโง่ๆเกี่ยวกับ สกอตต์ ว่าจะย้ายไปที่ นิวคาสเซิ่ล ซึ่งผมมีความรู้สึกว่าโกหก เรื่องราวถูกแต่งขึ้นโดยเอเยนต์ของเขาซึ่งโกหก” พาร์เกอร์ เอ่ยกับสื่อ

“นิวคาสเซิ่ล ไม่เคยต้องการ แม็คโทมิเนย์ เขาจะไม่ได้ทำให้กองกลางของพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้น พวกเขาต้องการนักฟุตบอลที่ดีกว่า พวกเขามี ฌอน ลองสตาฟฟ์ ซึ่งเหมือนกับ สกอตต์ อยู่ในทีมแล้ว แล้วก็พวกเขาไม่ต้องการนักเตะที่มีความสามารถแบบเดียวกันเพิ่มเติม”

ในเวลาเดียวกันนี้ อดีตแนวรับผิวสีได้กระตุ้นให้ เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมฟุตบอล ผีแดง ดึงกองกลางตัวรับมาแบ่งเบาภาระหน้าที่ของ กาเซมีโร่ เพิ่มอีกรายด้วยเพราะเขามองว่าลำพัง สกอตต์ คนเดียวไม่สามารถช่วยทีมได้มากพอ

“ผมอยากบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องมีคนคอยสนับสนุน กาเซมีโร่ เอริค เทน ฮาก ไม่สามารถพึ่งพา สกอตต์ ให้เป็นตัวแทนของ กาเซมีโร่ ได้”

“เขาจำเป็นที่จะต้องเพิ่มการแข่งในแดนกลาง มันบางทีอาจเกิดความเปราะบางได้ถ้าจะมีมิดฟิลด์ตัวรับชั้นดีแค่รายเดียว ถ้าเขาเจ็บขึ้นมา แมนฯ ยูไนเต็ด จะเจอกับปัญหาใหญ่ พวกเราได้เห็นกันแล้วในเกมกับ อาร์เซน่อล”

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
“เทน ฮาก” ไม่ขวางขาย “แม็คโทมิเนย์ – แม็คไกวร์”

เอริก เทน ฮาก เฮดโค้ชของ แมนยู พร้อมปล่อย สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้

โดย แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังทีมชาติอังกฤษ ต้องกลายเป็นเพียงตัวสำรองในฤดูกาลนี้ เพราะว่า เอริก เทน ฮาก มักจะเลือกใช้งาน ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ราฟาเอล วาราน, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ รวมถึง ลุค ชอว์ ก่อน ขณะที่ สกอตต์ ก็ตกเป็นข่าวว่าอาจจะย้ายออกจากทีมเช่นกัน โดยมี นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่กำลังให้ความสนใจอยู่ โดยรายงานจาก ทอล์คสปอร์ต ระบุว่า เทน ฮาก ต้องการที่จะเก็บทั้งสองคนไว้ก่อนในช่วงตลาดเดือนมกราคมนี้

เนื่องจาก ปีศาจแดง ต้องเตรียมทำศึกหนัก พร้อมทั้งโปรแกรมการแข่งขันที่มากมาย และยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ทั้ง 4 รายการ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า เทน ฮาก จะไม่ขวาง หากมีสโมสรใดยื่นข้อเสนอที่น่าพอใจเข้ามา ทั้ง แม็คไกวร์ และ สกอตต์ แต่พร้อมที่จะปล่อยตัวในช่วงซัมเมอร์ และจะต้องได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจ จึงจะยอมปล่อยทั้งสองคนออกจากทีม

แม็คโทมิเนย์ สกอตต์
สโคลส์สับแม็คโทมิเนย์พยายามเลี้ยงบอลไปเองคือ”อาชญากรรม”

ตำนานมิดฟิลด์ปีศาจแดงวิจารณ์ฟอร์มของมิดฟิลด์ในเกมพ่ายไบรท์ตัน 1-2

พอล สโคลส์ วิพากษ์วิจารณ์ฟอร์มการเล่นของ เฟร็ด และ สก็อตต์ ในเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพ่าย ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 1-2

ทัพแมนยูของ เอริค เทน ฮาก เริ่มฤดูกาล 2022/23 ไม่สวยนัก หลังโดน ปาสคาล กรอสส์ ทำสองประตูในครึ่งแรก ถึงแม้ปีศาจแดงจะมาได้ประตูไล่มาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แต่ไม่ดีพอทำให้ทีมพ่ายคาโอลด์ แทรฟฟอร์ด

หนึ่งในจุดที่เห็นได้ชัดคือแผงมิดฟิลด์ของ แมนฯ ยูฯ ที่เป็นรองผู้มาเยือนอย่างชัดเจน และ สโคลส์ วิเคราะห์ว่าเป็นความผิดพลาดส่วนตัวของทั้ง เฟร็ด และ สกอตต์

“มันเป็นการเริ่มต้นที่แสนช็อคสำหรับแมนฯ ยูฯ และครึ่งแรกมันช่างแสนโกลาหลจริง ๆ” สโคลส์ วิเคราะห์

“สัญญาณเตือนมันมาตั้งแต่นาทีแรก ๆ ของเกม ว่าเกมนี้มันจะออกมาแย่แน่ ๆ

“แม็คโทมิเนย์ พยายามเลี้ยงบอลไปเอง ช่างน่าขำสิ้นดี คุณภาพแดนกลางในสนามคือห่วยมาก

“ผมดีใจนะที่เขาไม่โดนไล่ออก(จังหวะยันสูงใส่ ไซเซโด้) ซึ่งผมคิดว่าเขาโชคดี อีกครั้งเป็นจังหวะที่เขาพยายามพาบอลไปเอง มันน่าขำสิ้นดี

“มันอาจเป็นใบแดงได้เลย คุณภาพกลางสนามไม่ใกล้เคียงคำว่าดีเลยด้วยซ้ำ เราเห็นมาแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมากับนักเตะสองคนน้ี

“กับเฟร็ดและแม็คโทมิเนย์, เขา (เทน ฮาก) น่าจะส่งลงแค่คนเดียว แต่แม้กระทั่งคนใดคนหนึ่งมันก็อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ

“เฟร็ดจ่ายบอลเสียตลอดทั้งเกม และแม็คโทมิเนย์ก็เอาแต่พยายามเลี้ยงบอลไปเองแล้วก็เสียบอล ส่งบอลให้นักเตะที่ดีที่สุดของคุณสิ! มันไม่ได้ยากอะไรเลย มันเป็นอาชญากรรมเลยนะแบบในเกมวันนี้”

เอซี มิลาน

เอซี มิลาน อาการหนัก! บุกแพ้ ลาซิโอ 0-4 ตามจ่าฝูง 12 เเต้ม

การแข่งขันฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ฤดูกาล 2022-23 ระหว่าง “อินทรีฟ้าขาว” ลาซิโอ เปิดสนามสตาดิโอ โอลิมปิโก รับการมาเยือนของ “ปิศาจแดงดำ” เอซี มิลาน

ลาซิโอ ที่ก่อนเกมรั้งอันดับที่ 6 กลับมาอยู่ในฟอร์มดีอีกครั้งหลังจากไม่แพ้ใคร 3 เกมติดต่อกันในทุกรายการ และเอาชนะได้ถึง 2 นัด พวกเขาต้องการ 3 คะแนนเพื่อขยับขึ้นท็อปโฟร์

เมาริซิโอ ซาร์รี่ ปรับกองทัพบางตำแหน่งจากเกมที่แล้ว โดยยังขาดดาวยิงคนสำคัญอย่าง ชิโร อิมโมบิเล ที่เจ็บ แต่ที่น่าสนใจคือ อเลสซิโอ โรมันญอลี กลับมาเจอทีมเก่าครั้งแรกในรอบ 9 เดือน

ลาซิโอ

ขณะเดียวกัน เอซี มิลาน อยู่ในช่วงฟอร์มตก

และเพิ่งอกหักแพ้ อินเตอร์ มิลาน ในศึกซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า มาหมาดๆส่วนผลงานในลีกพวกเขาก็ต้องตามตีเสมอ เลชเช่ ทำให้คะแนนตามหลังจ่าฝูงไปไกล

เกมนี้ ผลปรากฎว่า ครึ่งแรกมาเพียงแค่ 5 นาที ลาซิโอ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการยิงของ เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช

หลังจากนั้นนาทีที่ 38 ลาซิโอ ขยับหนีเป็น 2-0 เมื่อ มารูซิช ยิงไปชนเสาแล้ว มัตเตีย ซัคคานญี ตามซ้ำเข้าไปไม่พลาด ก่อนที่จะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง นาทีที่ 67 ลาซิโอ ได้จุดลูกโทษ และเป็น หลุยส์ อัลแบร์โต สู้หน้าที่สังหารไม่พลาด พา ลาซิโอ นำห่าง 3-0

เท่านั้นยังไม่เพียงพอ นาทีที่ 75 ลาซิโอ หนีไปไกลเป็น 4-0 จากจังหวะที่ หลุยส์ อัลแบร์โต จ่ายบอลทะลุให้ อันแดร์สัน ยิงเข้าไป

จบเกม ลาซิโอ เอาชนะ เอซี มิลาน ไป 4-0 เก็บเพิ่มเป็น 37 คะแนน ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ของตาราง ส่วน ปิศาจแดงดำ มี 38 คะแนนเหมือนเดิม รั้งอันดับ 2

ลาซิโอ เอซี มิลาน
ซาร์รี่ชี้ขยี้มิลานเป็นฟอร์มดีสุดตั้งแต่คุมลาซิโอ

เมาริซิโอ ซาร์รี่ เทรนเนอร์ ลาซิโอ ได้ยกย่องผลงานของลูกทีมนัดเปิดรังไล่ขยี้ ปิศาจแดงดำ 4-0 เป็นฟอร์มการเล่นที่ดีสุดนับตั้งแต่มาทำงานกับทีม

ลาซิโอ ทำผลงานยอดเยี่ยมเปิดรังถล่ม ปิศาจแดงดำ 4-0 ในเกมกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คืนวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้มีเพิ่มเป็น 37 คะแนน ไล่จี้ มิลาน ที่อยู่อันดับ 2 เหลือคะแนนเดียวจากการแข่ง 19 นัดเท่ากัน

“ในครึ่งแรก เราทำผลงานได้ดีในการสร้างโอกาสด้วยการขึ้นเกมจากข้างหลัง มันน่าจะเป็นฟอร์มการเล่นที่ดีสุดนับตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่” ซาร์รี่ กล่าว

“หากเราสามารถแก้ปัญหาการทำคะแนนหล่นแบบไม่น่าพลาดในการเจอทีมที่ตามหน้าเสื่อแล้วเป็นรอง เราก็สามารถทำผลงานได้ดียิ่งกว่านี้อีก”

“เราหวังว่า ชิโร (อิมโมบิเล่) จะหายเจ็บกลับมาเร็วๆ เราจะได้เห็นผลตรวจกันในวันพุธนี้ และจากนั้นเราก็อาจได้เปิดโอกาสให้คนอื่นที่เล่นมาต่อเนื่องได้พักบ้าง”

เอซี มิลาน แพ้
ปิโอลี่ รับ เอซี มิลาน กำลังมีปัญหาฟอร์มการเล่น

สเตฟาโน่ ปิโอลี่ นายใหญ่ ปิศาจแดงดำ ยอมรับ “ปีศาจแดง-ดำ” กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มช็อต หลังบุกพ่าย ลาซิโอ เละเทะ 0-4 พร้อมชี้ทีมเสียประตูง่ายไปในบางลูก
สเตฟาโน่ ปิโอลี่ เฮดโค้ช เอซี มิลาน ยอมรับว่า ตอนนี้ทีมตนกำลังมีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นอย่างหนัก หลังล่าสุดบุกแพ้ ลาซิโอ ยับเยิน 0-4 ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อวันอังคารที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา

การแพ้นัดนี้ทำให้ “ปีศาจแดง-ดำ” ที่รั้งอันดับสอง ในตารางคะแนน เซเรีย อา ไม่ชนะใครในลีก 3 นัดติด (เสมอ 2, แพ้ 1) โดยมี 38 แต้ม จากการลงแข่ง 19 นัด ตามหลัง นาโปลี ทีมจ่้าฝูง ถึง 12 แต้ม

“เราต้องรีบกลับไป มิลาเนลโล่ (สนามซ้อม) และพยายามฝึกซ้อมให้ดีกว่านี้ เพราะมันชัดเจนว่า ฟอร์มของเราตอนนี้ไม่ได้เป็นไปตามศักยภาพที่แท้จริงของเรา ตอนนี้หลายๆ อย่างมันไม่เวิร์คเลยสำหรับเรา”

“เรามีปัญหาทั้งเรื่องความคิดและแท็กติก เพราะบางประตูที่เราเสีย เราควรอ่านเกมได้ดีกว่านี้ ที่ผมต้องพูดกับคุณตอนนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำไง ไม่งั้นเราก็ควรที่จะอยู่เงียบๆ และตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป” ปิโอลี่ เปิดใจหลังเกม

เอเอฟเอฟ VAR

ทนกระแสไม่ไหว! เอเอฟเอฟ เตรียมใช้ VAR การแข่งขันครั้งหน้า

สหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ทานกระแสไม่ไหว และเตรียมนำเทคโนโลยีระบบ VAR (Video Assistant Referee) มาใช้เพื่อสำหรับการชิงชัยฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ในครั้งต่อไป ซึ่งหากยังไม่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ก็จะใช้เฉพาะในรอบรองชนะเลิศ และก็รอบชิงแชมป์ไปก่อน

ที่ผ่านมาวงการฟุตบอลโลกได้นำเทคโนโลยี VAR มาใช้อย่างกว้างขวางแล้ว รวมถึงศึกฟุตบอลไทยลีกก็ใช้มาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อช่วยการตัดสิน เพิ่มความโปร่งใส ยุติธรรม แต่สำหรับเพื่อการแข่งฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรืออาเซียนคัพ ยังไม่เอามาใช้แต่อย่างใด ตั้งแต่ครั้งที่แล้วสำหรับในการจัดครั้งที่ 13 ที่ประเทศสิงคโปร์

เอเอฟเอฟ

บิ๊กโจ กล่าว เอเอฟเอฟ จะนำ VAR มาใช้ในครั้งต่อไป

“บิ๊กโจ” นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เผยออกมาว่า สำหรับจังหวะที่ฟุตบอลอาเซียนคัพ คราวหน้าจะนำ VAR มาใช้นั้น เรื่องนี้อยู่ในวงสนทนาของเอเอฟเอฟกันอยู่ หลังจากนี้ต้องตั้งเป้าหมายให้มีการใช้ VAR แม้กระนั้นด้วยข้อจำกัดแล้ว น่าจะพุ่งไปที่การใช้ในรอบรองชนะเลิศ และก็รอบชิงชนะเลิศ รูปแบบคล้ายๆกับที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ใช้กับ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อกเอาต์ ซึ่งเป็นการจ้างมาเป็นครั้งๆไป ค่าใช้จ่ายก็มหาศาลอยู่เหมือนกัน

“AFF ติดตามการแข่งขัน ก็รับทราบว่า จะต้องมีการตัดสินหลายจังหวะ แม้มี VAR แล้วหลังจากนั้นก็ช่วยได้ และก็เห็นคอมเมนต์จากหลายด้าน ขณะเดียวกันอนาคต 2 ปีข้างหน้า ราคาอาจจะไม่สูงนัก ส่วนตัวแล้วคงจะยืนยันไม่ได้ว่าจะมีแน่นอนหรือจะมีได้ครอบคลุมขนาดไหน แต่เอเอฟเอฟกำลังพิจารณา ส่วนตัวรู้สึกว่าความเป็นไปได้มากมายที่สุดคือ เริ่มรอบน็อกเอาต์ แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาสว่าจะมีตลอดทัวร์นาเมนต์ไม่ได้” นายพาทิศกล่าวปิดท้าย

เอเอฟเอฟ

“โป เอฟซี” ยินดี “เหงียน กวง ไห่” คว้ารองแชมป์อาเซียน

ภายหลังจากทีมชาติไทย เอาชนะ เวียดนาม สกอร์รวม 2 นัด 3-2 สำหรับในการแข่งนัดชิงแชมป์ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน คัพ 2022

ล่าสุด เหงียน กวง ไห่ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเวียดนาม ต้องเดินทางกลับไปยังสโมสร โป เอฟซี ต้นสังกัด แห่งลีก 2 ประเทศฝรั่งเศส

ทั้งนี้ สโมสร โป เอฟซี ได้โพสต์ใจความต้อนรับแล้วก็ยินดีกับนักเตะ “ดาวทอง” ว่า “กลับมาทำงานแล้ว ขอแสดงความยินดีกับ เหงียน กวง ไห่ และ ทีมชาติเวียดนาม ที่คว้ารองแชมป์ เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022 ผู้เล่นหมายเลข 19 ของเรา กำลังเตรียมกลับมาอีกทีสำหรับเลก 2 ของฤดูกาลนี้”

สำหรับ เหงียน กวง ไห่ ลงสนามให้ โป เอฟซี ทุกรายการไปแล้ว 11 นัด ยิงได้ 1 ประตู ขณะที่ช่วงเวลาที่มารับใช้ชาติศึกชิงแชมป์อาเซียน 2022 แข้งซูเปอร์สตาร์รายนี้พลาดลงสนามกับต้นสังกัดไปเพียงแค่ 4 นัดแค่นั้น

มาโน่ โพลกิ้ง
มาโน่ ส่งข้อความถึง จารย์ปาร์ค หลังจากหมดสัญญาบอลเวียดนาม

ภายหลังจบการแข่งฟุตบอลเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022 ที่ทีมชาติไทยภายใต้การคุมทัพของ มาโน่ โพลกิ้ง ที่คุ้มครองป้องกันแชมป์ด้วยการเอาชนะเบอร์ 1 อาเซียน อย่างทีมชาติเวียดนาม ที่มี ปาร์ค ฮัง ซอ ปรมาจารย์ลูกหนังชาวเกาหลีใต้คุมทีมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหมดสัญญากับ สหพันธ์ฟุตบอลเวียดนาม

ล่าสุด มาโน่ ได้โพสต์ข้อความถึง จารย์ปาร์ค ว่า “การชนะหรือแพ้เป็นส่วนหนึ่งของงานของพวกเรา แต่ว่ามรดกที่คุณทิ้งไว้กับทีมชาติเวียดนามจะถูกจดจำตลอดไป ผมรักความคลั่งไคล้ในเกมของคุณ ผมมีความเคารพอย่างสูง ขอให้คุณโชคดีในการท้าคราวถัดมาของคุณ มิสเตอร์ ปาร์ค เราจะคิดถึงคุณ ทั้งหมดทั้งสิ้นคือสิ่งที่ดีที่สุด”

เอเอฟเอฟ แชมป์

ประวัติ เอเอฟเอฟ

หรือ สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน เป็นองค์กรย่อยของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย สำหรับจัดการชิงชัยฟุตบอลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเอฟเอฟก่อตั้งในปี พ.ศ. 2537 โดยมี 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนในปัจจุบันเป็นสมาชิกจัดตั้ง และในปี พ.ศ. 2539 ได้มีการจัดการแข่ง ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน และ พ.ศ. 2545 มีการจัดการแข่งขัน อาเซียนคลับแชมเปียนชิพ แล้วก็ พุทธศักราช 2559 จัดการแข่ง อาเซียนซูเปอร์ลีก (แต่ว่าในที่สุดก็ยกเลิกไป)

ปัจจุบันเอเอฟเอฟได้มีสมาชิกใหม่ก็คือ ติมอร์-เลสเต เพิ่มเข้ามาในปี พ.ศ. 2547 และประเทศออสเตรเลีย ที่ร่วมการแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 และได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2556

เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริค คัพ

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน

หรือ เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริค คัพ หรือเรียกย่อกันว่า อาเซียนคัพ เป็นการแข่งฟุตบอลระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน จัดขึ้นทุกๆ2 ปี โดย สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ เริ่มการแข่งครั้งแรกในปี ค.ศ. 1996 ในชื่อ ไทเกอร์คัพ เพราะว่ามีผู้สนับสนุนหลักคือ เบียร์สดไทเกอร์ จากประเทศสิงคโปร์ ภายหลังในปี ค.ศ. 2007 เบียร์สดไทเกอร์ได้ยกเลิกการสนับสนุน ก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น อาเซียนฟุตบอลแชมเปียนชิพ แต่เปลี่ยนชื่อได้ 1 ปี ซูซูกิ ก็เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนใหม่ ก็เลยเปลี่ยนแปลงชื่อเป็น เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ สืบมาจนถึงปี ค.ศ. 2022 มิตซูบิชิ อิเล็กทริค ก็เลยเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนใหม่แทน และเปลี่ยนชื่อเป็น เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริค คัพ มาจนกระทั่งปัจจุบัน

ผู้ชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียนทั้ง 14 ครั้งนั้นมีทีมชนะเพียงแค่ 4 ชาติก็คือ ไทย 7 ครั้ง ประเทศสิงคโปร์ 4 ครั้ง เวียดนาม 2 ครั้ง และมาเลเซีย 1 ครั้ง

แฮร์รี

ขุนค้อน ซดน้ำแห้วผีปัดข้อเสนอขอยืม แม็กไกวร์

แม็กไกวร์ “ขุนค้อน” จะต้องซดน้ำแห้วหวานเจี๊ยบ หลังจากโดน “ผีแดง” ปัดข้อเสนอยืมตัว “แฮร์รี แม็กไกวร์” มาขันแนวรับเป็นที่เรียบร้อย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมท้ายตารางแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
จะต้องผิดหวังอย่างแรง หลังโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปฏิเสธข้อเสนอยืมตัว แฮร์รี แม็กไกวร์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟร่างยักษ์ มาช่วยลุ้นหนีตายเรียบร้อย ตามรายงานจาก “เดลี เมล์” สื่อดังเมืองผู้ดี
อนาคตในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของ แม็กไกวร์ เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม หลังจากตกเป็นตัวสำรองในยุคของ เอริค เทน ฮาก

ที่ปรึกษาชาวดัตช์ ที่ชื่นชอบฝีเท้าของ ราฟาแอล วาราน รวมทั้ง ลิซานโดร มาร์ตีเนซ มากกว่า แถมแบ๊กซ้ายอย่าง ลุค ชอว์ ก็ยังได้โอกาสลงเล่นในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางก่อนหน้า อดีตจอมบุกเลสเตอร์ ซิตี อีกต่างหาก

ด้วยเหตุนี้ เวสต์แฮม ก็เลยหวังจะขอยืม แม็กไกวร์ ที่พึ่งจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงเพียงแค่ 7 นัดในซีซั่นนี้ มาขันแนวรับไป

จนกระทั่งจบฤดูกาล แล้วก็ได้จัดการยื่นข้อเสนอให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พิจารณาเรียบร้อย แต่ก็ถูก “ผีแดง” ปฏิเสธกลับมาอย่างทันควันเช่นกัน เพราะว่า เทน ฮาก มองว่า แผงหลังวัย 29 ปี ยังคงมีบทบาทสำคัญกับทีมที่ยังมีลุ้นแชมป์ถึง 4 รายการนั่นเอง

แม็กไกวร์
ถูกใจแฟนผี? “เฟอร์ดินานด์” แนะ “แม็คไกวร์” ย้ายหนี “แมนยูฯ” เหตุ “เทนฮาก” พยายามบีบ

“ริโอ เฟอร์ดินานด์” ตำนานแมนยู มองว่า “เทน ฮาก” พยายามบีบให้ “แฮร์รี แม็คไกวร์” ออกจากปิศาจแดง

วันที่ 10 มกราคม 66 “ริโอ เฟอร์ดินานด์” อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ ออกมาเปิดเผยว่า “เอริก เทน ฮาก” ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พยายามบีบ “แฮร์รี แม็คไกวร์” กัปตันทีมย้าย

ออกจากทัพปิศาจแดง หลังให้ “ลุค ชอว์” แบ็กซ้ายเข้ามายืนเป็นเซ็นเตอร์กับ ราฟาเอล วาราน โดยแนะนำให้แม็คไกวร์ ย้ายออกจากแมนฯยู ในตลาดซื้อขายนักเตะม.ค. ปี 2023

“เฟอร์ดินานด์” เปิดเผยผ่าน Vibe with Five “เขาคงจะลาออกไปแล้ว เมื่อ เทน ฮาก กำลังแสดงให้เห็นว่า แม็คไกวร์ ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดของทีมในตอนนี้ และพยายามบีบให้ แม็คไกวร์ ออกจากทีม

โดยการเอา ลุค ชอว์ ที่เล่นตำแหน่งแบ็กซ้ายมายืนในตำแหน่งกองหลังแทน ซึ่งเป็นการไม่เคารพซึ่งกันและกัน มันเหมือนกับว่าผมทำผลงานได้ดีในฟุตบอลโลก แต่ ปาทริซ เอฟรา ได้เล่นเซ็นเตอร์แบ็กแทน”

สำหรับ แฮร์รี แม็คไกวร์ ลงสนามให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้รวมทุกรายการไปเพียง 13 นัด หลังจากประสบปัญหาอาการบาดเจ็บต้นฤดูกาล

แฮร์รี แม็กไกวร์

“โรมาโน” ยืนยันว่า “แฮร์รี ” ไม่หนีแมนยูฯ ซบคู่แข่งพรีเมียร์ลีก

ฟาบริซิโอ โรมาโน ผู้สื่อข่าวชื่อดัง ยืนยัน แฮร์รี แม็คไกวร์ จะอยู่กับ แมนยู ต่อไป หลังจากมีข่าวเจรจากับ แอสตัน วิลลา

วันที่ 9 ม.ค. 66 ความเคลื่อนไหวหลังจากที่ ทอล์กสปอร์ต สื่อดังของอังกฤษ รายงานข่าวว่า แฮร์รี แม็คไกวร์ กองหลังกัปตันทีม “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใกล้ที่จะย้ายไปร่วมทัพคู่แข่งร่วมศึกพรีเมียร์ลีกอย่าง “สิงห์ผยอง” แอสตัน วิลลา และเริ่มมีการเจรจากันไปบ้างแล้วนั้น

ล่าสุด ฟาบริซิโอ โรมาโน นักข่าวจอมแม่นแห่งตลาดซื้อขายนักเตะ ออกมายืนยันชัดเจนว่า แม็คไกวร์ มีจุดยืนชัดเจนว่าต้องการจะค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อไป และไม่มีการเจรจากันระหว่างฝั่งของ แม็คไกวร์ กับ แอสตัน วิลลา

“รายงานข่าวเรื่องดีลของ แม็คไกวร์ กับ แอสตัน วิลลา โดนปฏิเสธโดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่มีการเจรจา หรือพูดคุยกันใดๆ ทั้งนี้ แม็คไกวร์ จะอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อไป จุดยืนชัดเจนมาก”

สำหรับ แม็คไกวร์ กำลังเจอช่วงเวลาอันยากลำบากกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะตกไปเป็นตัวสำรองภายใต้การคุมทัพของ เอริก เทน ฮาก ถึงขั้นที่ว่าโดน ลุค ชอว์ ที่เป็นแบ็กซ้าย ยึดตำแหน่งตัวจริงในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กอยู่ในเวลานี้

แม็กไกวร์ แฮร์รี
แม็กไกวร์ มีหนาว “แมนยูฯ” ถกคว้า “แนวรับรองแชมป์ฟุตบอลโลก” ลุ้นแย่งอีก 2 ทีม

“แม็กไกวร์ สะดุ้ง” สื่อเผย แมนยูฯ เริ่มเจรจาลุ้นคว้ากองหลังดีกรีรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 แต่ต้องแย่งกับ 2 ทีมร่วมพรีเมียร์ลีก

วันที่ 6 ม.ค.. 2566 เดลี เมล สื่อดังเมืองผู้ดีรายงานว่า แมนยู ทีมดังศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังเจรจาเบื้องต้น เพื่อที่จะลุ้นคว้าตัว อักแซล ดิซาซี

กองหลังทีมชาติฝรั่งเศส ชุดรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 จาก โมนาโก สโมสรในลีกเอิง ฝรั่งเศส

แหล่งข่าวระบุว่า หลายทีมในพรีเมียร์ลีกกำลังให้ความสนใจ อักแซล ดิซาซี นำโดย แมนยูฯ, สเปอร์ส และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ขณะที่แนวรับวัย 24 ปี ได้รับการคาดหมายว่าอาจตัดสินใจย้ายทีมออกจาก โมนาโก ในตลาดนักเตะเดือนมกราคมนี้เลย หรืออาจเป็นช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้

ในขณะที่ แมนยูฯ ก็มีรายงานว่าอาจคว้าตัวปราการหลังหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพหลังจบฤดูกาลนี้ ท่ามกลางอนาคตที่ไม่แน่นอนของ แฮร์รี แม็กไกวร์ กองหลังทีมชาติอังกฤษที่ตกเป็นตัวสำรอง

บ่อยครั้ง นับตั้งแต่ เอริก เทน ฮาก เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม โดยล่าสุดก็ตัดสินใจโยก ลุค ชอว์ จากแบ็กซ้ายเข้าไปเล่นเป็นเซนเตอร์คู่กับ ราฟาเอล วาราน ทั้งในเกมชนะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 3-0 และชนะ

วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 ก่อนที่ล่าสุด แม็กไกวร์ จะได้กลับมาประจำการในเกมถล่ม บอร์นมัธ 3-0

เฟอร์ดินานด์ แฮร์รี

มัตเตโอ เก็นดูซี่

ประธานโอแอ็มปัดข่าวถกขายเก็นดูซี่

มัตเตโอ เก็นดูซี่ ปาโบล ลองโกเรีย ปธ.สโมสรโอลิมปิก มาร์กเซย ปฏิเสธรายงานที่ระบุสโมสรกำลังเจรจา แอสตัน วิลล่า เพื่อทำการปล่อยตัว มัตเตโอ

เมื่อวันพุธ ที่ผ่านมา สื่อยุโรป รายงาน สิงห์ผงาด ติดต่อไปหา โอแอ็ม เพื่อไต่ถามความเป็นไปได้สำหรับเพื่อการดึง เก็นดูซี่ ร่วมทีม เพราะว่าทาง อูไน เอเมรี่ อยากได้ไปใช้งานในเดือนนี้

แต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ลองโกเรีย ยืนยันผ่านสื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็รู้เรื่องกันไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะไม่มีการเจรจาของสโมสรตามที่สื่อระบุออกมา

“ผมอ่านข้อมูลจากสื่อเหมือนๆกับพวกคุณนั่นแหละ ‘ไม่มี’ การเจรจาระหว่างสองสโมสร เราไม่ได้รับคำแนะนำใดๆด้วย ผมไม่ทราบดีว่ามีการปรึกษาในส่วนของตัวแทนนักเตะหรือไม่ นั่นก็เป็นข่าวลือ”

อย่างไรก็ตาม อาร์แอ็มเซ ยังคงยืนกรานว่า วิลล่า ยื่นเงิน 30 ล้านยูโรให้ มาร์กเซย พิจารณาปล่อยตัว เก็นดูซี่ หรือแม้แต่รายงานที่ระบุข้อเสนออาจจะทะลุไปถึง 40 ล้านยูโร

สื่อแดนน้ำหอม ยังรายงานต่อไปอีกว่า ถึงแม้ทาง เก็นดูซี่ เป็นหนึ่งในนักเตะขวัญใจ แฟนบอล มาร์กเซย แต่ว่าด้วย ราคาดังกล่าวถือเป็น ข้อเสนอที่ดี ซึ่งอาจทำให้ โอแอ็ม หันมา พิจารณา ในอนาคต

มัตเตโอ

มัตเตโอ เก็นดูซี่ มาร์กเซยคอนเฟิร์มซื้อขาด’เก็นดูซี่’หลังจบซีซัน

ยอดทีมลีกแดนน้ำหอมยืนยันจะซื้อขาด เก็นดูซี่ หลังนักเตะทำตามเงื่อนไขในสัญญาแล้ว ปาโบล ลอนโกเรีย ประธานสโมสรโอลิมปิค มาร์กเซย ยืนยัน สโมสรจะซื้อขาด มัตเตโอ กองกลางจากอาร์เซนอล หลังจบฤดูกาลนี้

มิดฟิลด์ชาวแดนน้ำหอมย้ายมาเล่นด้วยสัญญายืมตัว พ่วงอ็อปชันซื้อขาดที่มีเงื่อนไขระบุว่า เขาจะต้องลงเล่นอย่างน้อย 38 เกม ซึ่งล่าสุดเขาก็ลงเล่นครบตามเงื่อนไขแล้ว นั่นทำให้โอแอลเตรียมเซ็นดาวเตะวัย 22 ร่วมทัพแบบถาวรในซัมเมอร์นี้

โดยนักเตะจะเซ็นสัญญาถึงปี 2025 สำหรับ เก็นดูซี่ลงเล่นกับมาร์กเซยไป 38 เกม ทำได้ 4 ประตู

“เก็นดูซี่” เผยเหตุผลย้ายหนีปืนใหญ่ เพราะไม่ค่อยได้ลงสนาม

มัตเตโอกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสของ มาร์กเซยล ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวถึงเหตุผลจริงๆ ที่เจ้าตัวเลือกย้ายออกจาก อาร์เซนอล ร่วมถึงความสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกับ มิเกล อาร์เตต้า

“นักข่าวใช้ข้ออ้างนี้เพื่อบอกว่าเรา (เก็นดูซี่ กับ อาร์เตต้า) มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดี และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ได้เล่นและต้องออกจาก อาร์เซนอล” เก็นดูซี่ ให้สัมภาษณ์กับ BeIN Sports ถึงเหตุการณ์ที่เจ้าตัวมีปัญหากับ นีล โมเปย์ กองหน้าของ ไบรท์ตัน เมื่อปี 2020 ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นจุดแตกหักที่ทำให้ มิเกล อาร์เตต้า ไม่พอใจกับพฤติกรรมของเขา จนเลือกตัดชื่อออกจากทีม

“แต่ไม่เลย มันเป็นแค่อาการที่ก็เหมือนกับหลายๆ คนในสนาม บางครั้งมีความตึงเครียดมากมาย ปัญหามากมายในสนาม ไม่ว่าในกรณีใด มันไม่เกี่ยวอะไรกับทั้งหมดนั้นเลย”

“เป็นความจริงที่ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับเขา (อาร์เตต้า) ยิ่งไปกว่านั้น ผมพยายามทำงานอยู่เสมอ ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการฝึกซ้อมและในการแข่งขัน ผมยังคงเล่นในทีมของเขา 2-3 นัด ผมยังคงแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม”

“เขาชอบผู้เล่นคนอื่นๆ และผมเคารพการตัดสินใจนั้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงตัดสินใจย้ายออกมา เพราะว่าผมยังอายุน้อย ผมต้องใช้เวลาในสนามเพื่อก้าวหน้าต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อคุณอายุน้อยคือการได้โอกาสลงเล่น”

เก็นดูซี่

มัตเตโอ เก็นดูซี่ หวังชวน “ซาลิบา” อยู่ต่อด้วยกันที่ มาร์กเซย

เก็นดูซี่ ออกมาเผยว่าพร้อมที่จะโน้วน้าวให้ วิลเลี่ยม ซาลิบา กองหลังดาวรุ่งร่วมทีมชาติฝรั่งเศส ให้อยู่เล่นด้วยกันที่ โอลิมปิก มาร์กเซย ต่อไปในฤดูกาลหน้า หลังจากทั้ง 2 คนซึ่งต่างถูกยืมตัวมากจาก อาร์เซนอล ช่วยกันทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมโอแอ็ม

“ตอนนี้ วิลเลียม ซาลิบา มี มาร์กเซย อยู่ในใจของเขาแล้ว และผมแน่ใจว่าเขาจะกลับมาที่ มาร์กเซย ในฤดูกาลหน้า ดังนั้นผมจะพยายามชักชวนเขาอีกครั้งให้อยู่กับเราต่อไป” เก็นดูซี่ ให้สัมภาษณ์กับ Telefoot

ในทางเทคนิคแล้ว ทั้ง เก็นดูซี่ และ ซาลิบา ยังคงเป็นผู้เล่นของ อาร์เซนอล แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสข่าวออกมาว่า มาร์กเซย ได้ตกลงที่จะขาด เก็นดูซี่ ไปร่วมทีมแบบถาวรในฤดูกาลหน้า แต่ก็ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการใดๆ จากทั้ง 2 สโมสรและตัวนักเตะ

แคร์โรลล์ ลิเวอร์พูล

‘บิ๊กแอนดี้’ยืดสัญญาเร้ดดิ้งถึงปี2024

แอนดี้ แคร์โรลล์ อดีตแผงหน้าทีมชาติอังกฤษ ได้ตกลงต่อสัญญาใหม่กับ เร้ดดิ้ง สโมสรในแชมเปี้ยนชิพ ออกไปจนถึงซัมเมอร์ ปี 2024 เรียบร้อยแล้ว

ศูนย์หน้าวัย 34 ปี กลับมาร่วมทัพ รอยัลส์ อีกทีในกันยายน ปี 2022 และสัญญาระยะสั้นของเขาก็จะหมดลงในเดือนนี้

เขาเคยมาเล่นกับ เร้ดดิ้ง แล้ว ในปี 2021 ก่อนที่จะย้ายไป เวสต์บรอมวิช และในซีซั่นนี้เขาก็ทำไปแล้ว 4 ประตู จาก 17 นัดที่ลงสนาม

แคร์โรลล์ เคยค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล และ เวสต์แฮม แถมยังเคยเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล ถึง 2 ช่วง ตั้งแต่แมื่อเริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง

พอล อินซ์ ผู้จัดการทีม เร้ดดิ้ง บอกว่า “เอซี (แคร์โรลล์) คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบสำหรับกองหน้าอายุน้อย ไม่ใช่แค่โอกาสที่เขาสร้างสรรค์หรือประตูที่เขาทำได้ แต่การทำงานหนักที่เขาชี้ให้เห็นในทุกนาทีของทุกเกม ความทุ่มเทที่เขาแสดงให้เห็นในตอนเช้าที่หนาวเหน็บ เปียกชื้น และมีลมแรงในการซ้อม ทัศนคติ และประสบการณ์ที่เขานำเข้ามาในห้องแต่งตัว… นั่นคือดีเอ็นเอของเขาในฐานะนักฟุตบอล”

“เขาเป็นของล้ำค่าของสโมสรแห่งนี้ และผมยินดีมากๆที่เขาตกลงที่จะเป็นส่วนหนึ่งในความก้าวหน้าที่เรากำลังพยายามทำให้ได้”

แอนดี้

แอนดี้ แคร์โรลล์

เร้ดดิ้ง สโมสรชื่อดังใน แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ประกาศเซ็นสัญญาคว้าตัว แอนดี้ แคร์โรลล์ กองหน้าร่างโย่งกลับมาร่วมทีมกันอีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แอนดี้ แคร์โรลล์ วัย 33 ปีเพิ่งจะแยกทางกับ

เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาหลังจากหมดสัญญา และล่าสุดก็ได้กลับมาค้าแข้งกับ เร้ดดิ้ง อีกครั้งแบบไม่มีค่าตัว พร้อมกับเซ็นสัญญาระยะสั้นถึงแค่ช่วง

ม.ค.นี้เท่านั้น ได้สวมเสื้อหมายเลข 2 ก่อนหน้านี้ แอนดี้ แคร์โรลล์ ก็เคยค้าแข้งอยู่กับ เร้ดดิ้ง เมื่อช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลที่แล้ว ได้ลงเล่นไป 8 นัด ยิงได้ 2 ประตู

แอนดี้ แคร์โรล์ เจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดของสโมสร ย้ายจาก นิวคาสเซิ่ล มาร่วมทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในวันสุดท้ายก่อนตลาดหน้าหนาว ในเดือนมกราคม 2011 จะปิดลงไม่กี่ชั่วโมง

เคนนี่ ดัลกลิช ตั้งใจคว้าตัว แคร์โรล์ เพื่อมาประสานงานร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ โดยเขาได้รับ มอบเสื้อหมายเลข 9 ซึ่งถือเป็นหมายเลขที่ดาวยิงชื่อดังในรั้ว แอนฟิลด์ใช้สวมใส่สร้างชื่อขึ้นมา

แคร์โรล์ นั้น ได้ผ่านการขัดเกลาจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ มีโอกาสได้ประเดิม สนามให้ทีมชุดใหญ่ของสาลิกาดงครั้งแรก ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปีกับ 300 วัน ในเกมพบกับ ปาแลร์โม่ ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของสถิตินักเตะที่อายุน้อยที่สุด ที่ลงสนาม ให้ นิวคาสเซิ่ล ไปโดยปริยาย

ต้นปี 2007 แคร์โรล์ ได้รับเลือกให้คว้ารางวัล แจ็คกี้ มิลเบิร์น โทรฟี่ ซึ่งจะมอบ ให้กับนักเตะดาวรุ่งที่มีผลงานดีที่สุดในรอบปีจากการลงคะแนนโดยเหล่านักเตะ สาลิกาดง ซึ่งในปีนั้นเองเขาก็เป็นกองหน้าของทีมสาลิกาดง ยู 18 ลงแข่งในเอฟ เอ ยูธ คัพ เจอกับ ลิเวอร์พูลในรอบรองชนะเลิศมาแล้วด้วยแถมยังทำประตู ทีมหงส์แดงได้ด้วยในการเจอกันนัดแรก

แคร์โรลล์

แคร์โรลล์ ถูกชมเชยโดย คีแกน

ด้วยฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งในลูกกลางอากาศทำให้ เควิน คีแกน อดีตตำนาน ของ ทั้งลิเวอร์พูล และ นิวคาสเซิ่ลถึงกับออกมาหลุดปากชมว่า เขาเป็นหนึ่งใน 3 อันดับ แรกของจอมโขกที่เขาเคยเห็นมาเลยทีเดียว

แคร์โรล์ มาพังประตูในทีมชุดใหญ่ของนิวคาสเซิ่ลลูกแรกได้ในชัยชนะเหนือ ยูเวนตุส ในเกมอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาลเมื่อ 29 มิถุนายน 2007 ซึ่งทำให้เขา ได้รับ คำชมเชยจาก จานลุยจิ บุฟฟ่อน จอมหนึบมือหนึ่งทีมชาติอิตาลีว่าจะต้อง โด่งดังแน่นอนในอนาคต

อย่างไรก็ตาม แคร์โรล์ ยังไม่ได้แจ้งเกิดกับนิวคาสเซิ่ลอย่างเต็มตัว เขาถูกส่ง ตัวไป ขัดเกลา ฝีเท้าช่วงระยะเวลานึงกับ เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ด้วยความที่ยังอ่อน ประสบการณ์ทำให้ผลงานที่นั่นของเขาไม่ดีเท่าไหร่นัก โดยทำไปได้แค่เพียง 1 ประตู จากการ ลงสนาม 12 นัดแถมยังอารมณ์ร้อนจนโดนไล่ออกจากสนาม มาแล้วด้วย

 

แอนดี้ แคร์โรลล์
ซีซั่น 2008-09 แคร์โรล์ กลับมาเล่นให้กับ นิวคาสเซิ่ล อีกครั้ง ซึ่งเขาก็ได้รับ โอกาสมากขึ้นในฐานะตัวสำรอง โดยได้ลงสนามไปทั้งหมด 16 เกมทำไป 3 ประตู พร้อมกับได้รับการต่อสัญญาใหม่จากสโมสรไปอีก 3 ปีครึ่ง แต่น่าเสียดายที่ปีนั้น นิวคาสเซิ่ล ตกชั้นสู่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ

ฤดูกาล 2009-10 ถือเป็นฤดูกาลแจ้งเกิดของ แคร์โรล์ อย่างเต็มตัว เพราะการจาก ไปของสตาร์ดังอย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น, มาร์ค วิดูก้า และ โอบาเฟมี มาร์ติน ทำให้ เขาถูกดัน ขึ้นมาเป็นดาวยิงตัวหลักของทีม ซึ่งแคร์โรล์ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เมื่อเขากดไปถึง 19 ประตู เป็นจำนวนที่มากที่สุดในทีม ช่วยพานิวคาสเซิ่ลคว้า ตำแหน่ง แชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับพาทีมกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลต่อมาได้สำเร็จ อีกทั้งจากผลงานรองดาวซัลโวของลีก ทำให้เขาได้รับ เลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาลอีกด้วย

จากผลงานสุดร้อนแรงนี่เองทำให้นิวคาสเซิ่ลตัดสินใจมอบเสื้อหมายเลข 9 ให้ แคร์โรล์ สำหรับทำศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นหมายเลขระดับตำนานของนิวคาสเซิ่ล อย่าง แจ็คกี้ มิลเบิร์น และ อลัน เชียร์เรอร์ เคยสวมใส่มาก่อน

แคร์โรล์ ก็กลายเป็นขวัญใจของเหล่าทูน อาร์มี่ ไปเรียบร้อยจากความทุ่มเทที่มีให้ ในทุกเกมที่ลงสนาม

เอดูอาร์ เมนดี้ เชลซี

เชลซี แถลงยืนยันส่ง "เมนดี้" ผ่าตัดอาการนิ้วหัก

เชลซี ทีมจากศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมายืนยันว่า เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูคนสำคัญของทีมจะเข้ารับการผ่าตัดอาการนิ้วหัก และยังไม่รู้ชัดเจนว่าจำเป็นต้องพักนานขนาดไหน

เมนดี้

เชลซี ขาด จอมหนึบวัย 30 ปี ไม่ได้ลงเฝ้าเสา

จอมหนึบวัย 30 ปี ไม่ได้ลงเฝ้าเสาให้กับ สิงห์บลู นับจากเกมพรีเมียร์ลีกที่พวกเขาบุกไปแพ้ นิวคาสเซิ่ล 1-0 เมื่อวันที่ 12 เดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว

“เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูของเรา เข้ารับการผ่าตัดอาการนิ้วหัก ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการฝึกหัดในอาทิตย์นี้” แถลงการณ์จากสโมสร เชลซี ระบุ

“นายด่านวัย 30 ปี จะดำเนินการอย่างสนิทสนมกับทีมแพทย์ของสโมสร สำหรับขั้นตอนการฟื้นฟูร่างกายของเขา”

ทั้งนี้ เมนดี้ ลงเฝ้าเสาให้กับ สิงห์บลูส์ ในฤดูกาลนี้ไปแล้ว 11 นัด ทุกรายการ เสียไป 15 ประตู เก็บได้ 1 คลีนชีต

ประวัติ เอดูอาร์ เมนดี้

เกิดวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1992 เป็นนักฟุตบอลที่เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับเชลซีในพรีเมียร์ลีกและทีมชาติเซเนกัล เขาเกิดที่ฝรั่งเศสแต่เลือกเล่นให้กับทีมชาติเซเนกัล

วันที่ 24 ก.ย. ค.ศ. 2020 เชลซีออกมาประกาศว่าพวกเขาได้เซ็นสัญญาแมนดีเป็นระยะเวลาห้าปีด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรอย่างแฟรงก์ แลมพาร์ดเปิดเผยว่า

ปีเตอร์ เช็ก อดีตผู้รักษาประตูของสิงห์บลูและที่ปรึกษาทางเทคนิคในปัจจุบัน (ผู้บังเอิญย้ายจากแรนส์ไปเชลซีเช่นกัน) มีบทบาทสำคัญในการเซ็นสัญญาแมนดี ต่อมาในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2020 แมนดีลงเล่นนัดแรกให้กับสโมสรในนัดที่พบกับทอตนัมฮอตสเปอร์ในอีเอฟแอลคัพรอบที่สี่ ซึ่งเชลซีแพ้การยิงลูกโทษ 5–4 หลังจากที่เสมอกันในเวลา 1–1 ต่อมาในวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 2020 แมนดีลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก เขาเก็บคลีนชีตส์ช่วยให้เชลซีเอาชนะคริสตัลพาเลซ 4–0

เมนดี้ เชลซี
เชลซี ถูก เมนดี้ ได้ปฏิเสธสัญญาใหม่ หลังได้ค่าเหนื่อยน้อยกว่า เกป้า โกลมือสอง

เอดูอาร์ด เมนดี้ ผู้รักษาประตูวัย 30 ปี ของสโมสรเชลซี ได้ปฏิเสธข้อเสนอสัญญาใหม่จาก สิงห์บลู หลังจากได้รับค่าเหนื่อยน้อย เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูสำรองของทีม

โดยมีรายงานว่า เกป้า ตัวสำรองของทีมได้รับค่าเหนื่อยเกือบ 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หลังจากย้ายมาจาก แอธเลติก บิลเบา ด้วยค่าตัว 71 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2018 ขณะที่ เมนดี้ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยน้อยที่สุดในทีม หลังจากย้ายมาด้วยค่าตัว 22 ล้านปอดน์ จาก แรนส์ เมื่อปี 2020

ซึ่งแม้ว่า เอดูอาร์ด เมนดี้ จะเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของ สิงห์บลู แต่กลับได้รับการเสนอค่าเหนื่อยในสัญญาใหม่น้อยกว่า เกป้า ทำให้มีข่าวลือว่า เมนดี้ ได้มีการตอบปฏิเสธข้อเสนอแรกจากทาง เชลซี ไปแล้วเรียบร้อย

ผู้รักษาประตูมือ 1 เชลซี ปฏิเสธข้อเสนอแรกในการต่อสัญญาฉบับใหม่ เหตุทีมดังพรีเมียร์ลีกยังให้ค่าเหนื่อยน้อยกว่านายทวารมือ 2

วันที่ 6 กันยายน 2565 อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด สื่อดังเมืองผู้ดี รายงานว่า เอดูอาร์ เมนดี ผู้รักษาประตูทีมชาติเซเนกัล ซึ่งเป็นมือ 1 ของสิงห์บลู ปฏิเสธการต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมดังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากยังได้รับค่าเหนื่อยในข้อเสนอแรก น้อยกว่าที่ เกปา อาร์ริซาบาลากา มือ 2 ชาวสเปนได้รับในเวลานี้ เอดูอาร์ เมนดี ซึ่งยังเหลือสัญญากับ สิงห์บลู จนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2025 ถือเป็นผู้เล่นที่ได้รับค่าเหนื่อยน้อยที่สุดลำดับต้นๆ ของทีม โดยตอนนี้รับอยู่ที่สัปดาห์ละ 52,000 ปอนด์ (2.23 ล้านบาท) แม้นายทวารวัย 30 ปีจะมีข้อผิดพลาดให้เห็นบ่อยครั้งในช่วงหลัง ทั้งในเกมบุกไปแพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-3 และเปิดบ้านชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1 แต่ สิงห์บลู ก็มีแผนรั้งตัวให้อยู่กับทีมต่อไปในระยะยาว

อย่างไรก็ตามรายงานระบุว่า สัญญาฉบับใหม่ของ เมนดี ยังได้ค่าเหนื่อยน้อยกว่าของ เกปา ที่รับสัปดาห์ละ 190,000 ปอนด์ (8.17 ล้านบาท) อยู่ดี แต่ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขว่า สิงห์บลู เพิ่มค่าเหนื่อยขึ้นมาเป็นเท่าไร ทว่าตัวนักเตะได้ปฏิเสธข้อเสนอแรกไปแล้ว และกำลังรอดูว่าสโมสรจะปรับค่าจ้างให้อีกหรือไม่

เมสซี เอ็มบั๊ปเป้

ปารีสยิ้ม!เสื้อเมสซี่-‘บั๊ปเป้'ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเหมือนแจกฟรี

เมสซี เปแอสเช ได้ข่าวดี ทางการตลาด หลังจากมีรายงานระบุว่า เสื้อแข่งขัน ของสโมสร ที่มีชื่อ ลีโอเนล เมสซี่ กับ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ มียอดจำหน่ายพุ่งขึ้นกว่า 200 เปอร์เซ็นต์

ดาวเตะทั้ง2ราย ดวลกันในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ โดยเป็นทาง อาร์เจนติน่า ของ เมสซี่ ชนะจุดโทษ ประเทศฝรั่งเศส 4-2 ภายหลังจาก เสมอในเวลา 120 นาที 3-3

เกมดังกล่าวเจ้าของบัลลง ดอร์ 7 ยุคทำผู้เดียวสองประตูให้ฟ้าขาว ส่วนทาง เอ็มบั๊ปเป้ ทำแฮตทริกให้ตราไก่แต่ไม่เพียงพอข่วย เลส์ เบลอส์ ไปถึงฝั่งฝัน

กระนั้นฝ่ายที่ยิ้มกว้างมากที่สุดอาจหนีไม่พ้น ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เพราะมีรายงานจาก เลกิ๊ป ระบุว่า เปแอสเช ทำยอดจำหน่ายเสื้อของ เมสซี่ และ เอ็มบั๊ปเป้ ผ่านทางเว็บมากขึ้นมากกว่า 200 เปอร์เซ็นต์

โดยในจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์เป็นยอดสั่งซื้อมาจากตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ฝ่ายการตลาดของสโมสรยิ้มออกแล้วก็ดีใจกันมากมาย

เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากผลงานของ เมสซี่ กับ เอ็มบั๊ปเป้ ที่ทำเป็นอย่างยอดเยี่ยมในเวที เวิลด์ คัพ 2022 รวมถึงการที่ทั้งคู่ดวลกันในรอบชิงแชมป์ทำให้แฟนบอลแห่ซื้อเสื้อเปแอสเชที่มีชื่อของทั้งคู่เป็นจำนวนมาก

เอ็มบั๊ปเป้ เมสซี
เมสซี สวม บิชต์ เสื้อคลุมที่ สวมก่อนชูถ้วยฟุตบอลโลก

ทำความรู้จัก “บิชต์” (Bisht) ก็คือเสื้อคลุมที่ประเทศกาตาร์ เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 มอบให้ “ลิโอเนล เมสซี” ยอดดาวเตะแห่งยุค หลังพาทีมอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ได้สำเร็จ ท่ามกลางกระแสถกเถียงว่า กาตาร์ต้องการยกย่องเมสซีหรือขโมยซีนทีมแชมป์กันแน่ ควันหลงจากนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกระหว่างทีมอาร์เจนตินา กับ ทีมฝรั่งเศส เมื่อคืน 18 ธ.ค. ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของทีมฟ้าขาว หลังจากชนะดวลจุดโทษตัดสิน นอกจากภาพชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกที่เติมเต็มชีวิตค้าแข้งของ “ลิโอเนล เมสซี” กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาแล้ว ภาพที่ติดตาแฟนบอลทั่วโลกคือ “เสื้อคลุมยาวสีดำ” หรือว่า “บิชต์” (Bisht) ที่ ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์มอบให้เมสซีสวมใส่ก่อนชูถ้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก

ในปกติแล้ว กัปตันทีมแชมป์ครั้งก่อน จะได้ชูถ้วยพร้อมกับชุดแข่งทีมชาติของตนอย่างภาคภูมิโดยไม่มีอะไรมาบดบัง แต่สำหรับภาพเมสซีชูถ้วยแชมป์ขณะสวมเสื้อคลุมยาวสีดำครั้งนี้ ถือว่าแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เพราะแฟนบอลแทบไม่เห็นตราทีมชาติและชุดแข่งสีฟ้าขาวบนตัวของเมสซีเลย

เมสซี สวม บิชต์
บิชต์ คืออะไร

เสื้อคลุมดังกล่าวเรียกว่า “บิชต์” ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายตามประเพณีในโลกอาหรับ นิยมสวมใส่โดยชายชาวมุสลิมมานานหลายพันปีแล้ว มักทำจากขนอูฐและขนแพะ โดยวัสดุนี้จะถูกปั่นจากนั้นจึงทำออกมาเป็นผ้า และตัวผ้ามีเส้นด้ายเนื้อนุ่มสำหรับตัวที่ใส่ในฤดูร้อน และขนหยาบสำหรับตัวที่ใส่ในฤดูหนาว ขณะเดียวกัน เสื้อคลุมบิชต์มักสวมใส่เพื่อการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น งานวิวาห์และเทศกาลทางศาสนา

ถึงแม้เสื้อคลุมบิชต์ที่ชายอาหรับนิยมใส่ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำ แต่จริง ๆ แล้วยังมีสีขาวและสีน้ำตาลด้วย และมักกุ๊นขอบด้วยด้ายสีทองเหมือนกัน ทำให้ดูหรูหราและสูงศักดิ์

นอกจากนี้ บิชต์ยังมีความหมายรวมถึงชุดคลุมที่มักสวมใส่โดยชนชั้นปกครองหรือผู้นำศาสนา ทำให้ถูกมองเป็นชุดสำหรับใส่ออกงานเกี่ยวกับราชวงศ์อาหรับ คนร่ำรวย และพิธีทางการ หรือเทียบเท่ากับ “เน็กไทดำ” ในโลกตะวันตกเช่นกัน

ชูถ้วย

เมสซี สวม บิชต์ กับปฏิกิริยาในโลกฟุตบอล

ภาพที่ เมสซี ถูกสวมเสื้อคลุมบิชต์นั้น ถือเป็น โมเมนต์ใหญ่ สำหรับ เจ้าภาพกาตาร์ ซึ่งลงทุน เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ครั้งนี้ ไปถึง 2.2 แสนล้านดอลลาร์ เพราะทำให้ทั่วโลก ได้เห็นชุดคลุมที่ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ด้านวัฒนธรรมของชาติ

ในขณะเดียวกัน การที่ชุดบิชต์ มักถูกสวมใส่ในงานเฉลิมฉลองสำคัญ ของชนชั้นสูง ทำให้แฟนบอล และชาวเน็ตบางส่วน โดยเฉพาะ ในตะวันออกกลาง ชื่นชม เจ้าภาพกาตาร์ว่า การมอบชุดคลุมนี้ให้กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ย่อมหมายถึง การแสดงความเคารพ และร่วมฉลองแชมป์โลก ครั้งนี้นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ทวิตเตอร์ ในโลกตะวันตก ไม่คิดแบบนั้น และมองว่า กาตาร์ต้องการ ขโมยซีน ทีมแชมป์โลก

“แค่อยากถามว่าทำไม? ไม่มีเหตุผล ที่ต้องทำแบบนั้นเลย” ปาโบล ซาบาเลตา อดีตแข้งอาร์เจนตินา ที่ผันตัวเป็นกูรู ฟุตบอล ให้กับสำนักข่าวบีบีซี ทวีตถาม ด้วยความข้องใจ

“มันน่าเสียดาย ที่พวกเขาคลุมเสื้อ ทีมชาติของเมสซี ในช่วงเวลาอัศจรรย์แบบนี้” แกรี ลินิเกอร์ อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเป็นพิธีกรรายการให้กับบีบีซีทวีต

เมสซี จูบ ถ้วยฟุตบอลโลก

ลิเวอร์พูล อัมราบัต

โอกาสแห้วสูง! ลิเวอร์พูล คิดหนักดีล "อัมราบัต" สื่อโหมเจ้าตัวตัดสินอนาคตแบบนี้

ลิเวอร์พูล ทีมดังจากศึก พรีเมียร์ลีก จะต้องลุ้นอย่างหนัก เมื่อมีข่าวว่า โซฟียาน อัมราบัต หนึ่งในแข้งเป้าหมาย ของพวกเขา ได้ตัดสินใจ เกี่ยวกับอนาคตของตัวเองแล้ว ภายหลังที่ตกเป็นเป้าหมาย ของหลายทีมในตอน ฟุตบอลโลก ที่ผ่านมา ตามรายงานจาก ลิเวอร์พูลเอ็คโค

โซฟียาน อัมราบัต

กองกลางวัย 26 ปีถูกจับเชื่อมโยงในการย้ายมายังถิ่น แอนฟิลด์

หลังจากที่เจ้าตัว โชว์ฟอร์มได้อย่างสะดุดตาใน เวิลด์คัพ 2022 ที่กาตาร์ โดยนำ ทีมชาติ โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์ ผ่านเข้าถึง รอบรองชนะเลิศ ได้เป็นที่สำเร็จเป็นทีมแรก จากทวีปแอฟริกา ก่อนที่จะแพ้ต่อ ฝรั่งเศส ไปด้วยสกอร์ 2-0

นอกจาก ลิเวอร์พูล แล้ว อัมราบัต ยังมีข่าวสารกับ ทีมระดับท็อป อีกหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น แอต. มาดดริด, บาร์เซโลน่า, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งพึ่งจะตกเป็นข่าวพร้อมกระโดดร่วมกลุ่มสำหรับในการไล่ล่าตัวนักเตะรายนี้ในม.ค.ด้วย แต่จากรายงานปัจจุบันของ กัลโชแมร์คาโต้ สื่อดังของอิตาลีได้เผยออกมาว่า จอมบุกโมร็อกโก

อาจจะยังไม่อยากย้ายทีมในเวลานี้ เพราะเจ้าตัวมีแผนที่จะต่อสัญญากับ ฟิออเรนตินา ออกไปอย่างน้อยอีก 1 ปี โดยสัญญาฉบับปัจจุบันกำลังจะหมดลงในซัมเมอร์ปี 2024 รวมทั้งหากการเจรจาประสบความสำเร็จจะก่อให้เขาอยู่กับ ม่วงมหากาฬ จนถึงปี 2025

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ อัมราบัต จะย้ายทีม ยังพอมีอยู่บ้าง โดยทางสื่อจากอิตาลีเชื่อว่าหากทาง ฟิออฯ ได้รับคำแนะนำ ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านยูโรหรือประมาณ 26 ล้านปอนด์ พวกเขาก็พร้อมที่จะ พิจารณาการย้ายทีม ของแข้งคนสำคัญรายนี้ด้วยเหมือนกัน

อัมราบัต  ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล มีลุ้นซิว “อัมราบัต” หลัง ฟิออเรนตินา ปักป้ายแล้ว

ฟิออเรนตินา ทีมจากศึก กัลโช เซเรีย อา ตั้งค่าตัวขั้นต่ำของ โซฟียาน อัมราบัต หลังจากที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในศึก ฟุตบอลโลก 2022 จนทำให้ตกเป็นเป้าหมายของหลายทีมรวมทั้ง หงส์แดง ยักษ์ใหญ่จาก พรีเมียร์ลีก ตามรายงานจาก ลิเวอร์พูลเอ็คโค กองกลางวัย 26 ปีเป็นกำลังสำคัญให้กับ ทีมชาติโมร็อกโก และพาทีมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

โซฟียาน อัมราบัต ลิเวอร์พูล

โดยพวกเขาสามารถเอาชนะ โปรตุเกส ในรอบควอเตอร์ไฟนอลไป 1-0 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยฟอร์มการเล่นเช่นนี้ทำให้มีหลายสโมสรที่เป็นข่าวให้ความสนใจ โดยเฉพาะ ลิเวอร์พูล ที่กำลังต้องการ เสริมทัพในแดนกลาง ในเดือนมกราคม และจากรายงานของทาง Relevo สื่อจาก สเปน ได้คาดการณ์ว่า ฟิออเรนตินา พร้อมตั้งราคาขาย อัมราบัต เริ่มต้นที่ 30 ล้านยูโร หรือประมาณ 25.8 ล้านปอนด์พร้อมด้วย โบนัสอีกก้อนหนึ่ง ซึ่งจะทำให้มี ราคารวมกันทั้งสิ้น ประมาณ 40 ล้านยูโรหรือราว ๆ 34 ล้านปอนด์เท่านั้น สื่อจากแดนกระทิงดุรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ เองก็เคยพยายาม ที่จะเซ็นสัญญา กับแข้งรายนี้มาแล้ว เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นนักเตะที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ให้ความชื่นชอบ เป็นพิเศษด้วย

เฟร์นานเดซ

ลิเวอร์พูล ยื่นข้อเสนอถึง เบนฟิก้า สนคว้า มิดฟิลด์ อาร์เจนตินา

ลิเวอร์พูล ทีมดังในศึก พรีเมียร์ลีก ได้ติดต่อกับทาง เอ็นโซ เฟร์นานเดซ เป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่ทาง เบนฟิก้า ยอมรับว่าพวกเขากำลังจะเสียสตาร์รายนี้ในอนาคต การรายงานของ เร็คคอร์ด สื่อดังประเทศโปรตุเกส

หงส์แดง ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับกองกลางวัย 21 ปี ตั้งแต่ช่วงปิดตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยทาง เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการมิดฟิลด์รายใหม่เข้ามาเสริมทัพเพื่อแก้ปัญหาแดนกลางในฤดูกาลนี้

ขณะที่ เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่จาก ลา ลีกา ก็ได้ให้ความสนใจแข้งรายนี้อยู่ด้วยเช่นกัน และรายงานระบุว่าทั้ง2ทีมได้ทำการติดต่อกับ เฟร์นานเดซ ไปแล้วเพื่อสอบถามเรื่องความเป็นไปได้ในการย้ายทีมหลังจบศึกฟุตบอลโลก

กองกลางของ เบนฟิก้า เพิ่งจะช่วยทีมชาติอาร์เจนตินาผ่านเข้าสู่รอบควอเตอร์ไฟนอลใได้สำเร็จหลังจากที่เอาชนะจุดโทษ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ไปได้เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยจะไปพบกับ โครเอเชีย ในรอบรองชนะเลิศต่อไป

ลิโอเนล เมสซี

"เมสซี" เผยแล้วจะลงเล่น ฟุตบอลโลก สมัยสุดท้ายครั้งใด

ลิโอเนล เมสซี กัปตันทีมชาติ อาร์เจนตินา ให้สัมภาษณ์เปิดเผยบอกว่าการลงเล่นในศึก ฟุตบอลโลก กาตาร์ 2022 นัดชิงแชมป์ในวันอาทิตย์นี้จะเป็นเกมใน เวิลด์คัพ นัดสุดท้ายในเส้นทางการค้าแข้งของเจ้าตัว

ลิโอเนล

ลิโอเนล เมสซี จะลงเล่นเกมดังกล่าวในวัย 35 ปีโดยเป็นการเล่นในฟุตบอลโลกสมัยที่ 5

ซึ่งสตาร์ อาร์เจนไตน์ พึ่งจะงัดผลงานร้อนแรงสังหาร 1 ประตูและทำ 2 แอสซิสต์พาทัพ ฟ้าขาว ถล่มเอาชนะ โครเอเชีย มาได้ในรอบรองชนะเลิศที่สกอร์ 3-0

“ผมแฮปปี้ที่เป็นอย่างยิ่งที่จะได้ส่งท้ายเส้นทางการค้าแข้งของผมด้วยฟุตบอลโลก นัดชิงแชมป์ การได้เล่นเกมสุดท้ายด้วยเกมนัดชิงฯ เป็นความภาคภูมิใจที่ยอดเยี่ยมของผม” เมสซี กล่าวให้สัมภาษณ์

“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน เวิลด์คัพ ครั้งนี้ตราตรึงในอารมณ์เป็นอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นทุกคนแฮปปี้กับมันในอาร์เจนตินา ซึ่งภายหลังเกมดังกล่าวพวกเราต้องรออีกเป็นเวลาหลายปีกว่าที่ ฟุตบอลโลก ครั้งถัดไปจะฟาดแข้ง ผมไม่มีความคิดว่าจะสามารถลงเล่นใน เวิลด์คัพ สมัยหน้าได้ การยุติการเดินทางแบบนี้นับว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง”

ทั้งนี้ ทัพ ลา อัลบิเซเลสเต้ ที่เอาชนะขุนพล ตราหมากรุก มาได้ 3-0 ในรอบรองชนะเลิศจะเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่างฝรั่งเศส กับ โมร็อกโก ที่มีกำหนดการฟาดแข้งในคืนวันพุธที่ 14 ธันวาคม (เช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 15 ธ.ค.) เวลา 02:00 น.

เมสซี

“เชียร์เรอร์” ยกเครดิตให้ “สกาโลนี่” ช่วยเค้นฟอร์มเก่ง “เมสซี่-อัลบาเรซ”

อลัน เชียร์เรอร์ อดีตดาวยิงทีมชาติ อังกฤษ ออกมาชื่นชม ลิโอเนล สกาโลนี่ กุนซือทีมชาติ อาร์เจนตินา หลังงัดฟอร์มเก่ง ลิโอเนล เมสซี่ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ออกมาในศึก ฟุตบอลโลก 2022

สกาโลนี่ ตัดสินใจให้ อัลวาเรซ สตาร์ทตัวจริงและเล่นร่วมกับ เมสซี่ ในแดนหน้า เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ที่พวกเขาชนะ โปแลนด์ ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งทั้งคู่เล่นร่วมกันได้อย่างลงตัวและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ ใน ฟุตบอลโลก 2022

โดยในเกมล่าสุดที่ อาร์เจนตินา เป็นฝ่ายถล่ม โครเอเชีย ไป 3-0 ในรอบรองชนะเลิศเมื่อคืนที่ผ่านมา อัลวาเรซ เหมาคนเดียวสองประตู และอีกหนึ่งลูกมาจากจุดโทษของ เมสซี่

เท่ากับว่า ตอนนี้กองหน้าพลังหนุ่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซัดในบอลโลกหนนี้ไปแล้ว 4 ประตู ส่วน เมสซี่ กดไปแล้ว 5 ประตู – นำเป็นดาวซัลโวร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส

”ผู้จัดการทีมได้ดึงศักยภาพของ เมสซี่ และ อัลวาเรซ ออกมา มันเหมาะกับทีมนี้และดูน่าประทับใจจริงๆ” เชียร์เรอร์ กล่าวใน BBC Radio 5 Live

”พวกเขาดูสนุกสนานเอามากๆ เวลาอยู่ในสนามนั้น พวกเขาไม่ต้องการกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวเลยล่ะ”

ทั้งนี้ อาร์เจนตินา จะเจอกับ ฝรั่งเศส หรือ โมร็อกโก ในรอบชิงชนะเลิศ โดยรอบชิงฯ จะเตะกันวันที่ 18 ธันวาคม นี้

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
“ลิโอเนล เมสซี” ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 “ซลาตัน” ฟันธง

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช แข้งสุดเก๋าชาวสวีเดน เชื่อว่า บทถูกเขียนมาให้ ลิโอเนล เมสซี ดาวยิงประเทศอาร์เจนตินา คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

คว้าฝันของ เมสซี กำลังจะเป็นจริง หลังเจ้าตัวพาทัพอาาร์เจนตินาเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จด้วยการถล่ม ประเทศโครเอเชีย ในรอบตัดเชือก 3-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา

”ผมคิดว่ามันถูกเขียนเอาไว้แล้วว่าใครจะคว้าแชมป์ และคุณก็รู้ว่าผมหมายถึงใคร” อิบราฮิโมวิช กล่าวถึงอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาที่บาร์ซ่า

”เมสซี จะได้ชูถ้วยใบนี้ บางอย่างกำหนดมันเอาไว้แล้ว”

ทั้งนี้ ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบชิงชนะเลิศ ที่ประเทศบราซิล เมสซี ชวดคว้าแชมป์โลกไปอย่างน่าเสียดาย หลัง อาร์เจนตินา แพ้ เยอรมนี 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

โรเมโร่
“โรเมโร่” รับ น้ำตาไหลไม่หยุด หลัง อาร์เจนตินา เข้ารอบชิงฯ

คริสเตียน โรเมโร่ กองหลังทีมชาติ อาร์เจนตินา ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หวังว่า ชาติของเขาจะคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2022 เพราะว่าการเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ

ทัพฟ้าขาว ทะลุสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ หลังจากถล่ม โครเอเชีย รองแชมป์โลก 2018 ไป 3-0 เมื่อคืนวันอังคาร ที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา

”แน่นอนว่าเมื่อผมถึงโรงแรม ผมคงน้ำตาไหลแน่ๆ” โรเมโร่ กล่าวหลังเกม

“เรามีความสุข เพราะพวกเขาเล่นกันได้ดี เราเป็นผู้ชนะที่ยุติธรรม บางครั้งมันก็ซับซ้อน แต่เรารู้วิธีแก้ปัญหา”

“การเข้ารอบชิงชนะเลิศในรายการระดับโลกไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน พวกเขาสนุกกับมัน แต่เราต้องการมากกว่านี้”

ทั้งนี้ อาร์เจนตินา จะเจอกับ ฝรั่งเศส ในรอบชิงชนะเลิศ โดยรอบชิงฯ จะเตะกันวันที่ 18 ธันวาคม นี้

ลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก ปัญหา

“ถอดบทเรียน 3 ต้นตอ ปัญหาลิขสิทธิ์บอลโลก” ขอคืนเงิน…ยิ่งบานปลายไม่จบ!

ลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก ที่กำลังเป็นปัญหา หลังจาก กสทช. เจ็บไม่จำ ถอดบทเรียน “อาร์เอส” กับเกมการฟ้องร้องของกสทช.ต่อ กกท. นักกฎหมายเตือนกรณี กสทช. ทางออกขอคืนเงินยิ่งบานปลายไม่จบ

นักกฎหมาย

นักกฎหมาย เผย 3 สาเหตุ ที่ทำให้เกิดความวุ่นวายของลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก

นาย นันทน อินทนนท์ นักกฎหมาย หุ้นส่วน สำนักงานกฎหมายระดับโลก ตีเลกี & กิบบินส์ เผยผ่านเฟสบุ๊ก “นันทน อินทนนท์” เกี่ยวกับปัญหาความวุ่นวายในการถ่ายทอดฟุตบอลโลกของไทย ซึ่งล่าสุด กสทช.มีมติให้เรียกเงินปริมาณ 600 ล้านบาทคืนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. เนื่องจากเห็นว่า

กกท.ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเอ็มโอยู โดยอ้างทำผิดกฎ Must Carry เนื่องจากโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกไอพีทีวีไม่สามารถรับดูได้ โดย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานบอร์ด กสทช. ได้เสนอทางแก้ปัญหาด้วยการขอให้ กกท.ยกเลิกเอ็มโอยูกับเอกชนรวมทั้งเปิดให้ไอพีทีวีถ่ายทอดการแข่งขันบอลโลก หรืออีกทางเลือกหรือคืนเงิน 600 ล้านบาท เพื่อที่จะได้ไม่ต้องต่อสู้กันในศาลปกครองฯ

บอลโลก 2022

นักกฎหมาย แสดงความเห็นบนเฟสบุ๊คของตัวเอง

ในการนี้ นายนันทน ได้แสดงความเห็นบนเฟสบุ๊คของตัวเองโดยระบุว่า “ไม่ค่อยอยากแสดงความคิดเห็นเรื่องข้อพิพาทระหว่างกสทช. กับ กกท. เลย

เพราะจริง ๆ แล้วแค่เปิดดูภาคผนวกแนบท้าย MOU ก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร การร่าง MOU และภาคผนวกของ กสทช. ควรต้องมีความละเอียดรอบคอบ ประโยชน์ก็จะตกแก่ประชาชน แต่ท่าน

กสทช. มาชักจูงให้ กกท เลิกสัญญา นี่ก็ไม่ถูกต้องนะครับ นักกฎหมายเรียกว่า “การละเมิดโดยการชักจูงให้มีการผิดสัญญา” (Tort of Inducement of Breach of Contract) อย่าหาทำเลย”

ด้านนักวิชาการด้านการตลาด วิเคราะห์ต่อไปอีกว่า การฟ้องร้องระหว่างภาครัฐ มีให้เห็นไม่บ่อยนัก ซึ่งมหกรรมฟุตบอลโลกใกล้จะจบ แต่ปัญหาค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดยังไม่จบ

ซึ่งหากย้อนไปก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้น 2 สัปดาห์ ปัญหาของประเทศไทยเป็น คนไทยมีโอกาสไม่ได้รับดูฟุตบอลโลก โดย กสทช. ถูกตั้งคำถามมากมาย

ในฐานะผู้ออกกฎ Must Have, Must Carry ซึ่งเป็นกฎการซื้อคอนเทนต์กีฬาระดับโลกมาแจกฟรีให้คนไทดู แต่ปัญหาคือไม่มีเจ้าของงานลงทุนซื้อ

ลิขสิทธิ์เพื่อมาแจกจ่ายให้ดูฟรี ทำให้เผือกร้อนไปอยู่ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งเป็นเหมือนฮีโร่ที่ใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์ ทำให้คนไทยได้ดูการแข่งขันฟุตบอลโลก

ทั้งนี้เมื่อ กสทช.ออกมาแจ้งว่า จะฟ้อง กกท. ผิดกฎ Must Carry เพราะกสทช.ต้องการให้ กล่อง IPTV ถ่ายทอดฟรีไปด้วย ทำให้เดือดร้อนไปถึงฟีฟ่า ที่ออกมาเตือนเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์

ทำให้คำถามย้อนกลับไปถาม กสทช. ต้นตอปัญหาการออกกฎ Must have, must carry ว่า การอนุมัติจ่ายแค่ 600 ล้านบาท จากราคาลิขสิทธิ์ 1,600 ล้านบาทนั้น เงินที่เหลือจะหาใครมาจ่ายให้คนดูฟรี

ในความเป็นจริง ในเวลาจำกัด ไม่สามารถทำได้ และ กสทช. ไม่ได้เสนอทางออกให้กับ กกท.และไม่เข้าใจการทำธุรกิจ ซึ่งผู้ลงทุนก็ย่อมต้องการผลตอบแทนจากการลงทุน แต่กสทช.กลับยึดกฎ Must carry

อยู่เหนือกฎหมายลิขสิทธิ์ที่ใช้กันทั่วโลก

กสทช.

“กสทช. มีวิธีคิดที่เป็นมายาคติ ออกกฎ must carry ให้คนไทยทุกคนได้ดูกีฬาระดับโลกในทุกแพลตฟอร์มฟรี โดยหวังว่าจะมีคนโง่ไปซื้อมาแจก เหมือนไม่ได้เรียนวิชาการตลาด 101 ว่า การลงทุนจะต้องมองถึงผลตอบแทนที่คุ้มทุน ด้วยตรรกกะวิบัติ ทำให้หาคนมาประมูลรายการฟุตบอลโลกไม่ได้ ในขณะที่ทั่วโลกเค้าได้ลิขสิทธิ์ไปในราคาถูก เวียดนาม ถือลิขสิทธิ์โดยสถานีโทรทัศน์และวิทยุแห่งชาติเวียดนาม มูลค่า 532 ล้านบาท มาเลเซีย ซื้อลิขสิทธิ์มูลค่า 261.50 ล้านบาท และ สิงคโปร์ StarHub, Singtel และ Media corp ซื้อลิขสิทธิ์มูลค่า 948 ล้านบาท ทำให้ประเทศไทยล้าหลังมาจนกระทั่งจะถ่ายทอดฟุตบอลโลก แต่ยังหาคนมาประมูลไม่ได้ ร้อนถึง กกท. ที่ต้องหาเงินมาจ่ายสูงถึง 1,600 ล้านบาท แถมยังมาถูก กสทช. ตลบหลัง เอาดีเข้าตัว ปล่อยให้ กกท. รับบทหนักไปคนเดียว” อีกมุมหนึ่งที่สะท้อนเรื่องราวต่อปัญหาการถ่ายทอดบอลโลก

ลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก พร้อมสรุปให้เห็นถึง 3 ต้นตอแห่งปัญหา

ต้นตอที่ 1 : ทราบดีว่า must have, must carry ทำลายตลาด ทำให้ผู้ลงทุนทุกรายขาดทุน ทำไม กสทช.ประกาศ Must Have และ Must Carry

ทำให้การซื้อลิขสิทธิ์ล่าช้า เพราะว่าเอกชนขาดแรงจูงใจที่จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ซ้ำยังทำให้ค่าลิขสิทธิ์แพงขึ้น กสทช.จะรับผิดชอบอย่างไร ที่ออกกฎดังกล่าว โดยไม่รับผิดชอบผลที่ตามมา

ค่าลิขสิทธิ์มหกรรมกีฬาสำคัญมีราคาสูง แต่เมื่อซื้อมาแล้วกลับต้องอนุญาตให้ฟรีทีวีเอาไปเผยแพร่ต่อได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นตรรกะที่วิบัติหรือไม่ และใครจะรับผิดชอบ

ผลสรุปที่เกิดขึ้น

ต้นตอที่ 2 : กกท.ขอ 1,600 ล้านบาท แต่อนุมัติเพียงแค่ 600 ล้านบาท โดยหวังผลเลิศ ซึ่งหาก กกท.

ถามกลับไปยัง กสทช.ว่า หากต้องเป็นผู้หาเงินเอง จะหาเงินสนับสนุนมาจากไหน เงินจำนวน 600 ล้านบาทจาก กสทช. ที่มีมติอนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุน กทปส.

ก็เพราะมีกฎที่ กสทช. ออกมา ทำให้หาคนมาสนับสนุนไม่ได้ หาก กสทช. สนับสนุนเงินที่ขาดไปทั้งหมด ก็คงจะไม่เกิดปัญหาดังเช่นทุกวันนี้

ต้นตอที่ 3 : ทำไม กสทช. ยังไม่ยกเลิก Must Carry, Must Have ทั้งที่มีปัญหามาตั้งแต่กรณี “บมจ.อาร์เอส” ที่ซื้อลิขสิทธิ์ 2010 FIFA World Cup South Africa ตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท

ทั้งจากการขายสปอนเซอร์ และการขายกล่องรับสัญญาณ แต่เมื่อเจอกฎ Must Have และ Must Carry ทำให้ “อาร์เอส” ต้องเปิดให้ฟรีทีวีร่วมถ่ายทอดสด แม้อาร์เอสจะชนะคดีได้รับเงินเยียวยาจาก

กสทช.แต่ก็ไม่เต็มจำนวน ทำให้ต้องรับภาระหนัก นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด

ซึ่งเคยเผชิญกับปัญหาการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ได้ทวีตข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อวันที่ 8 พ.ย.65 ระบุว่า ขอให้เรื่องบอลโลกเป็นกรณีศึกษาการทำงานของภาครัฐเถอะนะ ถ้าเงิน

ก้อนนี้ผ่านออกมาจาก กสทช. ได้ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อกับประเทศไทย ในอนาคตเวลา regulator จะออกกฎต้องคิดให้รอบคอบ

ลูก้า โมดริช

โมดริชมั่นใจโครแอตต่อกรแซมบ้าได้

ลูก้า โมดริช กองกลาง ทีมชาติ โครเอเชีย มั่นใจ ทีมตัวเองจะไม่สร้างปัญหาให้บราซิลได้แน่นอน พร้อมแย้มว่าอาจจะมีการดวลจุดลูกโทษเกิดขึ้นอีกที

ลูก้า

 

ตาหมากรุก จะลงสนามดวลกับ บราซิล ในศึกฟุตบอลโลก รอบก่อนรองชนะเลิศ

วันศุกร์นี้ โดยทีมไหนชนะ จะเข้าไปเจอ เนเธอร์แลนด์ หรือ อาร์เจนติน่า ในรอบตัดเชือก ทั้งนี้ โมดริช ได้นั่งแถลงข่าว ก่อนเกม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยนักฟุตบอลระบุตอนนี้ ทีมมีความมั่นใจเยอะขึ้น ภายหลังผ่านรอบ 16 ทีมมาได้เป็นที่สำเร็จ

“ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ดวลกับประเทศญี่ปุ่น (เสมอ 1-1 ก่อนชนะจุดลูกโทษ) เราได้พิสูจน์ให้มองเห็น ถึงความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจ” มิดฟิลด์สังกัด เรอัล มาดริด กล่าว

“เกมล่าสุดนี้มอบความมั่นใจให้กับเรา เราสามารถทำได้อีกทีและเราก็เตรียม ตัวการยิงจุดลูกโทษเอาไว้อีกทีด้วย”

นอกจากนี้ โมดริช ยังไม่ขอกล่าวถึง อนาคตของตนกับทีมชาติ โดยกองกลางวัย 37 ปีเน้นว่าต้องการมีสมาธิกับฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นอันดับแรก

“ผมไม่ทราบว่าตัวเองจะเล่นให้ทีมชาติ ไปอีกนานเพียงใด ผมมี สมาธิเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งต่อจากนั้นเราจะมีเวลามานั่งพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องอนาคต”

ลูก้า โมดริช 1

ประวัติ ลูก้า โมดริช

เกิด และ เติบโตที่เมือง Zadar โครเอเชีย ปีค.ศ.1985 ช่วงปี 1991 เกิดสงครามประกาศเอกราชโครเอเชีย ทำให้โมดริช และครอบครัว ต้องระหกระเหินลี้ไฟสงคราม ไปใช้ชีวิต อยู่ในโรงแรมนานกว่า 7 ปี ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลา แห่งความยากลำบาก ของเขาและครอบครัว เขาเล่าให้ฟังว่า ปู่ของเขา ถูกสังหารโดย กลุ่มกบฏเซิร์บในละแวกใกล้บ้าน และบ้านที่เคยอาศัยอยู่ ก็ถูกไฟของสงครามเผาเป็นเถ้าธุลีไปหมด ถึงแม้เขาจะบอกว่า ไม่ได้ตระหนก ถึงสงครามเท่าไร เพราะเขายังเด็กมาก อีกทั้งชีวิตถูกรายล้อมด้วยเพื่อนฝูง และครอบครัวที่เอาใจใส่ก็ตาม

พ่อของเขา ก็สนับสนุนให้ โมดริชเล่นฟุตบอล อาจเพราะเห็นพรสวรรค์อะไรบางอย่า งในตัวเขา หรือเพียงแค่ส่งเสริมความฝัน ของลูกก็ตาม ช่วงที่เขาหนีจาก พิษไฟสงคราม ไปอาศัยอยู่ในโรงแรม Kolovare โมดริช เตะฟุตบอลกับเพื่อนทุกวัน ภายในลานจอดรถของโรงแรม ก็คงคล้ายนักบอลระดับโลกหลายคน ที่สรรค์สร้างทักษะของตัวเองผ่านพื้นปูนขรุขระ โกล์รูหนู และรองเท้าผ้าใบ

โจเซฟ บัลโจ ตกลงให้โมดริชเข้าสู่อะคาเดมีของ NK Zadar และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้มีโอกาสเฉิดฉายในฟุตบอลเยาวชนที่อิตาลี ทีมใหญ่ในซีเรีย อา อย่าง ยูเวนตุส ปาร์มา อินเตอร์ มิลาน ก็เริ่มให้ความสนใจในตัวเขา แต่เป็นดินาโม ซาเกร็บ ทีมใหญ่จากเมืองหลวงที่ได้รับลายเซ็นต์จากเขา และได้ตัวมาร่วมทีมในที่สุด ในแคมป์ฝึกซ้อมของซาเกร็บ โมดริชไม่ได้เป็นเจ้าชายพรสวรรค์สูงเพียงคนเดียว เขาจะต้องต่อสู้ พิสูจน์ตัวเองท่ามกลางคนรุ่นเดียวกัน และรุ่นซีเนียร์ที่มีประสบการณ์มากกว่า ไม่นานนัก ในปี 2003 ซาเกร็บตัดสินใจปล่อยโมดริช ไปสั่งสมวิชาในลีคบอสเนียกับ Zrinjski Mostar ภายใต้สัญญายืมตัว ในปี 2005 ซาเกร็บตัดสินใจยื่นสัญญาระยะยาว 10 ปี ให้กับโมดริช และพวกเขาก็ไม่ผิดหวัง โมดริชพาซาเกร็บควบแชมป์ลีค 3 สมัย บอลถ้วยอีก 3 สมัย และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมส่วนตัวอีกหลายครั้งระหว่างลงสนามให้กับดินาโม ซาเกร็บ

ไม่นานนัก เขาก็ได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็น อาร์เซนอล แมนฯ ซิตี้ บาร์เซโลนา แต่เป็นท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ที่ปาดหน้าทุกทีมใหญ่และคว้าแข้งทองคำจากโครเอเชียมาประเดิมสนามได้สำเร็จได้ในปี 2008 โมดริชไม่ทำให้สเปอร์ผิดหวัง เขาพาสเปอร์คว้าพื้นที่หัวตารางไปเล่นฟุตบอลยุโรป และถูกสรรเสิญจากแฟนบอลว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดตลอดกาลของท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์

สุดท้ายความมหัศจรรย์ของเจ้าหนุ่มใบไม้แห้งจากโครเอเชียก็ไปสะดุดตาสโมสรระดับโลกอย่างราชัน ชุดขาว เรอัล มาดริด และในปี 2012 โมดริชถูกอัญเชิญเข้าสู่พระราชวังเบร์นาเบวด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ เขาย้ายจากลอนดอน มาลงหลักปักฐานที่กรุงมาดริด และเป็นฟันเฟืองสำคัญที่พาราชันชุดขาวคว้าทริปเปิลแชมป์ยุโรปสามสมัยซ้อน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้สำเร็จอีกครั้ง

โมดริช

ลูก้า โมดริช กับ รางวัลเกียรติยศ

เรอัลมาดริด

  • ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2014,2016,2017
  • ยูฟ่าแชมป์เปี้ยน ลีก : 2014,2016,2017,2018,2022
  • ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก: 2014,2016,2017
  • ลาลิกา สเปน : 2016-17,2019–20,2021–22
  • สแปนิชซูเปอร์คัพ 2017

รางวัลส่วนตัว

  • บาลงดอร์: 2018
เอโต้

เอโต้อธิบายพร้อมขอโทษก่อเหตุฉาวแทงหัวเข่าแฟนบอล

เอโต้ อดีตกองหน้า ทีมชาติแคเมอรูน ตั้งโต๊ะชี้แจงเหตุการณ์แทงเข่า ใส่แฟนบอล ที่หน้าสนามหลังจากจบเกม ฟุตบอลโลก คู่ระหว่าง บราซิล กับ ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันจันทร์ ที่ผ่านมา

เอโต้ ทะเลาะ

เอโต้ ตกเป็นข่าวใหญ่หลังถูกบันทึกภาพได้ว่า

มีเรื่องมีราวกับแฟนบอลรายหนึ่ง ก่อนแทงเข่าใส่แฟนบอล ดังกล่าวจนล้มลง กับพื้นหน้าสนาม

อดีตศูนย์หน้าทีมหมอผี เปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า “ในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ช่วงหลังจบเกม ระหว่าง บราซิล กับ ประเทศเกาหลีใต้ ผมได้ทำเรื่องร้ายแรงกับคนที่น่าจะเป็นแฟนบอลชาว แอลจีเรีย”

“ผมต้องการขอโทษกับการบันดาลโทสะ และแสดงพฤติกรรม แบบนั้น ซึ่งไม่ใช่ตัวตนของผม ผมต้องการขอโทษต่อสาธารณะสำหรับเรื่องราวที่เลวร้ายนี้”

“ผมจะต้องทนกับการถูกยั่วยุ และดูถูกจากแฟนบอล แอลจีเรียแต่ละวัน จริงๆแล้ว มันเกิดขึ้นตั้งแต่เกม ระหว่าง แคเมอรูน กับ แอลจีเรีย ที่ บลิด้า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ผมเป็นเป้าของ การดูหมิ่นว่าขี้โกง ทั้งที่ปราศจากหลักฐานใดๆก็ตาม”

ปัจจุบัน ซามูเอล รับหน้าที่เป็น ประธานสหพันธ์ฟุตบอลแคเมอรูน และเดินทางมาดูฟุตบอลโลก ในฐานะฑูตของ ฟีฟ่า ด้วย

ซามูเอล เอโต้

‘เอโต้’ ปะทะแฟนบอลนอกสนามหลังจบเกม บราซิล-เกาหลีใต้

อดีตดาวยิง ทีมชาติแคเมอรูน ปะทะกับแฟนบอล นอกสนามหลังจบเกม คู่ระหว่าง บราซิล พบ เกาหลีใต้ ซามูเอล ตำนานกองหน้า ทีมชาติแคเมอรูน มีเรื่องทะเลาะวิวาท กับแฟนบอล นอกสนาม หลังจบเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่าง บราซิล พบ เกาหลีใต้ หลังจบเกม คู่ดังกล่าว ซามูเอล ถูกได้รับเชิญมาชมเกม ในฐานะทูตของ เวิลด์ คัพ 2022 ได้เดินออกมา นอกสนามเพื่อกลับ โดยมีการพูดคุย และถ่ายรูป กับแฟนบอล ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตลอด แต่แล้วกลับมีชายคนหนึ่ง ถือกล้องเข้ามาประกบ แล้วเกิดการโต้เถียงขึ้น ก่อนที่มีคลิปที่อดีตหัวหอก บาร์เซโลนา เข่าใส่หน้าของชายคนดังกล่าว จนร่วงลงกับพื้น ตอนนี้ ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่า ชายคู่กรณีพูดจาอะไร ถึงทำให้ เขา เก็บอารมณ์ไม่อยู่ได้ขนาดนี้

เอโต้ ทะเลาะกับ แฟนบอล
ประวัติ ซามูเอล เอโต้

เกิดเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ค.ศ. 1981 เป็นประธานสหพันธ์ฟุตบอลแคเมอรูน อดีตนักฟุตบอล ชาวแคเมอรูน และเป็นอดีตกัปตัน ทีมชาติแคเมอรูน เล่นในตำแหน่ง กองหน้าตัวเป้า ซามูเอล ทำประตูได้มากกว่า 100 ประตูใน 5 ฤดูกาลที่อยู่กับบาร์ซ่า และยังถือสถิติ ชาวแอฟริกาที่ลงแข่ง ในลาลิกา มากที่สุด ในซีซั่น 2013–14 ในขณะที่เล่นให้กับ เชลซี มีข่าวลือว่าแท้จริงแล้ว เขาอายุกว่า 40 ปีแล้ว จึงทำให้ เมื่อยิงประตูได้ เขาจึงทำท่าทางว่า แก่เสมือนการล้อเลียนตัวเอง

ก้าวไปอีกขั้น ซามูเอล นั่งแท่นประธานสหพันธ์ฟุตบอลแคเมอรูนคนใหม่

ซามูเอล อดีตกองหน้า บาร์เซโลนา และทีมชาติแคเมอรูน ซึ่งได้รับเสียงโหวตให้รับตำแหน่ง ประธานสหพันธ์ฟุตบอลแคเมอรูน คนใหม่อย่างเป็นทางการ สำหรับ ซามูเอล ประสบความสำเร็จอย่างมากสมัยค้าแข้งหลังเคยเล่นให้กับ หลายทีมดังของยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา, อินเตอร์ มิลาน และเชลซี เป็นต้น พร้อมทั้งเป็นนักเตะคนสำคัญ ของทีมชาติแคเมอรูน โดยลงสนามไป 118 นัดทำได้ 56 ประตู ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 2019 และเมื่อเดือน ก.ย. ซามูเอล ได้ตัดสินใจ ที่จะลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่ง ประธานสหพันธ์ฟุตบอลแคเมอรูน ร่วมกับผู้สมัครอีก 7 คน ก่อนถอนตัวไป 5 คนในวันที่ลงคะแนนเสียง กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ซามูเอล ได้เสียงโหวตเอาชนะ เซดู เอ็มบอมโบ เอ็นโจยา ส่งผลให้เขา รับตำแหน่ง สหพันธ์ฟุตบอลแคเมอรูน คนใหม่อย่างเป็นทางการ และจะดำรงตำแหน่ง เป็นเวลา 4 ปี

โดย เขา กล่าวถึงความรู้สึก หลังรับตำแหน่งว่า “เราต้องนำ นักฟุตบอล ให้มาเป็นศูนย์กลาง ของนโยบายของเรา มันเป็นหน้าที่ของเรา ที่ต้องทำให้มั่นใจว่า นักฟุตบอลจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”

ทั้งนี้นโยบายหลักของ ซามูเอล คือการสร้างสนามฟุตบอลเพิ่มขึ้นในประเทศอย่างน้อย 10 สนามระหว่างที่เขายังดำรงตำแหน่งอยู่

อาร์เจนติน่า ชนะ

สกาโลนี่โอเคเข้ารอบ-ติงโปรแกรมลงเล่นเร็วไป

อาร์เจนติน่า ลีโอเนล สกาโลนี่ กุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่า พึงพอใจกับการเข้ารอบต่อไป แต่ตำหนิการจัดโปรแกรมลงเล่นรอบ 16 ทีมที่มีเวลาพักเพียง 2 วันเท่านั้น

สกาโลนี่

อาร์เจนติน่า เอาชนะ โปแลนด์ ไปด้วยสกอร์ 2-0

ในศึกฟุตบอลโลก กลุ่ม ซี นัดที่3 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ทำให้ ทีมอาร์เจนติน่า เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม และต้องไปพบกับ ออสเตรเลีย เสาร์นี้

“พวกเรามีความสุข ทุกๆ เกมเป็นเกมที่ยาก และการมองข้าม ออสเตรเลีย จะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่ายๆ” เทรนเนอร์วัย 44 ปีระบุ

“ในศึกฟุตบอลโลก คุณลงทำหน้าที่เป็นตัวแทนทีมชาติรวมกับการต่อสู้ของคุณ โปแลนด์ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้ผม เราทำเช่นนั้นได้ก็ถือเป็นเรื่องดีของพวกเรา พวกเรายังไม่ปล่อยให้ เลวานดอฟสกี้ ได้บอล และพวกเขาก็สวนกลับไม่ได้ด้วย

“มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่พวกเราทำได้ดีมากกว่าที่พวกเขาก่อความผิดพลาดขึ้นมา การเป็นเต็งแชมป์ไม่มีผลอะไรเลย พวกเราเป็นตัวเต็งที่ไม่ได้ส่งผลอะไรทั้งนั้น พวกเราคงไม่ได้เป็นแชมป์โลกเพียงแค่เพราะเอาชนะเกมนี้หรอก

“นักเตะที่ถูกส่งลงไปทำได้ดีแต่พวกเราคิดถึงทีมอยู่เสมอ วันนี้พวกเรามีความสุข แต่มันเป็นเรื่องบ้ามากในการลงเล่นเกมต่อไปอย่างรวดเร็วทั้งที่พวกเราเป็นแชมป์กลุ่ม

“ผมไม่เข้าใจ เล่นในช่วงบ่าย ตอนนี้ก็เข้าสู่วันพฤหัสบดีนี้แล้ว และวันศุกร์เป็นวันก่อนลงสนาม พวกเราสมควรได้รับช่วงเวลาพักผ่อนมากกว่านี้”

โค้ช

โค้ช โปแลนด์ ลุ้นเข้ารอบแบบระทึก

เชสวาฟ มิชนีวิซ เทรนเนอร์ทีมชาติ โปแลนด์ ได้ยอมรับว่าตัวเองลุ้นเข้ารอบไปพร้อมกับใจที่เต้นรัวอย่างรุนแรง และต้องคอยตรวจสอบสถานการณ์ของอีกคู่อย่างต่อเนื่อง

โปแลนด์ ปราชัยให้กับ อาร์เจนติน่า 0-2 ในศึกฟุตบอลโลกกลุ่ม ซี นัดสุดท้าย เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา แต่ว่าตัวแทนจากยุโรปยังคงเข้ารอบ 16 ทีมเพราะประตูได้ดีกว่า เม็กซิโก ซึ่งมี 4 คะแนนเท่ากัน

“พวกเรารู้ว่าใบเหลืองจะถูกนำมานับรวมด้วย (กรณีที่แต้มเท่ากัน รวมไปถึงประตูได้เสียที่เท่ากันทุกอย่าง ทาง ฟีฟ่า จะใช้จำนวนใบเหลืองมาวัดทีมที่เข้ารอบ)” กุนซือวัย 52 ปีกล่าว

“พวกเราตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกเกมหนึ่ง (เม็กซิโก พบ ซาอุดิอาระเบีย)

“มันเป็นเกมที่ยาก พวกเราเสียจุดโทษอีกครั้ง แต่โชคดีที่ เชสนี่ กำลังอยู่ในทรงที่ดี (ป้องกันจุดโทษของ ลีโอเนล เมสซี่ ในเกมที่ผ่านมา) ในช่วงพักครึ่งแรก พวกเราหารือในเรื่องที่ผิดพลาด พวกเราเสียบอลง่ายเกินไปและเสียบ่อยมากด้วย

“พวกเราพยายามเปลี่ยนเกม แต่มาเสียประตูหลังจากลงเล่นครึ่งหลังไปไม่นาน พวกเราตระหนก ในจุดหนึ่งผมได้บอกสถานการณ์ของอีกคู่หนึ่งให้ เลวานดอฟสกี้ และคนอื่นๆ ได้ทราบ

“ผมบอกพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ครีโคเวียกโดนใบเหลือง และนั่นทำให้ใจผมเต้นรัว พวกเราเปลี่ยนตัวเพราะเขาอยู่ในจุดอันตราย พวกเรารู้ว่ามีความแตกต่าง (เรื่องใบเหลือง) แค่ 2 หรือ 3 ใบเท่านั้น มันเสี่ยงมาก”

อาร์เจนติน่า เฮ 2-0 จูง โปแลนด์ เข้ารอบ16ทีม

ทีมฟ้าขาว เอาชนะ โปแลนด์ 2-0 ในเกมฟุตบอลโลก กลุ่ม ซี นัดที่สาม เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำให้ทั้งคู่ตบเท้าเข้ารอบต่อไป ที่ สเตเดียม 974 กรุงโดฮา เป็นเกมนัดสุดท้ายของกลุ่ม ซี ระหว่าง โปแลนด์ กับ อาร์เจนติน่า โดยทั้งสองทีมต้องการชัยชนะเพื่อเข้ารอบต่อไป ฟ้าขาว เดินหน้าบุกทันทีนาทีที่ 11 ลีโอเนล เมสซี่ สับไกติดเซฟ วอยเซียช เชสนี่ ปัดบอลออกหลังไปได้ จากนั้นนาที 29 มาร์กอส อากุนญ่า ยิงถากเสานิดเดียว เล่นมาถึงนาที 37 อาร์เจนติน่า ได้จุดโทษเมื่อทาง ลีโอเนล เมสซี่ โดน วอยเซียช เชสนี่ สกัดล้มลงไป ซึ่งทาง วีเออาร์ ตรวจสอบจังหวะก่อนยืนยัน อย่างไรก็ตาม วอยเซียช เชสนี่ แก้ตัวเซฟลูกยิงของ ลีโอเนล เมสซี่ เอาไว้ได้ แต่กลับมาลงเล่นต่อครึ่งหลังไม่ถึงนาที ฟ้าขาว ออกนำ 1-0 นาอูเอล โมลีน่า เปิดจากทางขวาให้ อเล็กซิส แม็คคัลลิสเตอร์ ยิงเสียบเสาไกลไม่พลาด สกอร์ขยับเป็น 2-0 ในนาที 67 เมื่อทาง เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ไปลมาให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ แตะแล้วกดด้วยขวาเสียบตาข่ายไม่เหลือ จบเกม ทีมฟ้าขาว เอาชนะ 2-0 เข้ารอบ 16 ทีมในฐานะที่ 1 ของกลุ่มไปดวลกับ ออสเตรเลีย ส่วน โปแลนด์ จบที่ 2 เพราะประตูได้เสียดีกว่า เม็กซิโก เข้าไปพบ ฝรั่งเศส ในรอบหน้า

ผู้ช่วยเบนโต้โอด

ผู้ช่วยเบนโต้โอดสกอร์ไม่แฟร์

เกาหลีใต้ แซร์โจ้ คอสต้า ผู้ช่วย เปาโล เบนโต้ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติ เกาหลีใต้ ระบุ ชัดเจนว่าผลการแข่งขันเกมล่าสุด ไม่ยุติธรรม อย่างมาก

แซร์โจ้ คอสต้า ผู้ช่วย

เกาหลีใต้ แพ้ให้กับ กานา ด้วยสกอร์ 2-3

ในศึกฟุตบอลโลก กลุ่ม H นัดที่สองเมื่อจันทร์ ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ ขุนพลแทกึก มีเพียงแต้มเดียว โดยเกมสุดท้ายจะต้องดวลกับ โปรตุเกส

หลังจากจบเกม คอสต้า ทำหน้าที่ ให้สัมภาษณ์ กับ สื่อมวลชนเพราะว่า เบนโต้ ไม่พอใจผู้ตัดสิน ที่เป่าจบเกม ในจังหวะที่ ทีมกำลังจะได้ลูกตั้งเตะ ทำให้ผู้ตัดสินแจกใบแดงให้กับผู้จัดการทีมฟุตบอลใหญ่วัย 53 ปี

“เราคุมเกมตอน 25 นาทีแรก ระหว่างนั้นเราผ่านบอลได้ดี แล้วก็เคารพต่อแท็คติกที่เราได้ระบุเอาไว้ก่อนลงสนาม” คอสต้า กล่าว

“หลังจากเสียประตูแรก (ให้ ซาลีซู ในนาที 23) หลายๆอย่างได้เปลี่ยนไป ในจุดนั้น เราเสียการควบคุมไปจนกระทั่งจบครึ่งแรก

“ช่วงครึ่งหลังแตกต่างอย่างชัดเจน เรากลับมาคุมเกม เราครองบอลและกลับมาทำคะแนนได้ (โช กยู-ซอง ทำผู้เดียวสองประตู) แล้วก็เรามีโอกาสมากมายหลายครั้ง

“ผลการแข่งขันไม่ยุติธรรมเลย แม้กระทั้งผลเสมอก็ด้วย เราสมควรเป็นฝ่ายเอาชนะ การตอบสนองของทีมมาจากความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรม มันเป็นการตอบสนองตามปกติในตอนที่เราทำในสิ่งที่สมควรชนะ แต่ไม่ได้รางวัลตอบแทน

“เราจะต้องภูมิใจที่ทุ่มเททุกอย่างลงไปในสนามและคุณสามารถวางใจเราได้ในการลงเล่นนัดถัดไป”

เกาหลีใต้ ต้องเจอกับ โปรตุเกส ในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มพร้อมโจทย์จะต้องชนะแค่นั้นถึงจะได้ลุ้นเข้ารอบ ซึ่งเกมดังกล่าว เปาโล เบนโต้ จะอดคุมทีมข้างสนามเพราะโดนโทษแบน

แซร์โจ้ คอสต้า

ฟุตบอลทีมชาติ เกาหลีใต้

เป็นตัวแทนของเกาหลีใต้ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศ และอยู่ภายใต้การบริหารของสมาคมฟุตบอลเกาหลี เกาหลีใต้เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย โดยมีส่วนร่วมในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 11 ครั้ง มากที่สุดในเอเชีย และเข้าร่วมติดต่อกัน 10 ครั้ง ตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1986 จนถึงครั้งล่าสุด แม้ในการแข่งขัน 5 ครั้งแรกจะไม่สามารถเอาชนะใครได้เลย แต่ว่าในฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วมกับ
ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นชาติแรกในเอเชียที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ และยังคว้าอันดับ 4 ได้สำเร็จ เกาหลีใต้ยังเป็นหนึ่งในสองทีมที่เข้าชิงชนะเลิศรายการเอเชียนคัพมากที่สุด 6 สมัย โดยชนะเลิศ 2 สมัย (1956 และ 1960) รวมทั้งคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 3 สมัย และเหรียญเงินอีก 3 สมัย เกาหลีใต้มีชื่อเล่นที่กลุ่มผู้สนับสนุนและสื่อตั้งให้ว่า “Reds” เนื่องจากสีชุดแข่งขันทีมเหย้าซึ่งใช้สีแดงเป็นหลัก และกลุ่มผู้สนับสนุนของเกาหลีใต้มีชื่อเรียกว่า “Red Devils” เกาหลีใต้มีคู่แข่งคือชาติมหาอำนาจในเอเชีย ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น, อิหร่าน และ ประเทศออสเตรเลีย รวมไปถึงการเป็นอริกับจีน และ เกาหลีเหนือ ด้วยเหตุผลทางการเมือง

เกาหลีใต้

ประวัติ

สมาคมฟุตบอลเกาหลีได้รับการจัดระบบใหม่ในปี ค.ศ. 1945 เนื่องจากการยึดครองเกาหลีโดยจักรรรดิญี่ปุ่นได้สิ้นสุดลงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง การแบ่งแยกคาบสมุทรเกาหลีทำให้เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือได้แยกประเทศกันในช่วงปลายทศวรรษ 1940 สมาคมฟุตบอลเกาหลี (KFA) ในรูปแบบใหม่ได้ก่อตั้งขึ้นและเข้าร่วมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศใน ค.ศ. 1948 และในปีเดียวกันนั้น ทีมชาติเกาหลีใต้ได้ลงแข่งขันรายการแรกอย่างเป็นทางการด้วยการชนะทีมชาติเม็กซิโกด้วยผลประตู 5–3 ในโอลิมปิกฤดูร้อน 1948 ที่กรุงลอนดอน ก่อนจะเข้าไปแพ้สวีเดนในรอบก่อนรองชนะเลิศอย่างขาดลอย 0–12 ซึ่งเป็นสถิติการแพ้ด้วยผลประตูที่มากที่สุดของพวกเขามาจนถึงปัจจุบัน ทีมชาติเกาหลีใต้ได้ร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในปี 1954 โดยการเอาชนะญี่ปุ่นในรอบคัดเลือกด้วยผลประตูรวมสองนัด 7–3 และเกาหลีใต้ถือเป็นประเทศที่สองในทวีปเอเชียต่อจากทีมชาติอินโดนีเซียที่ได้ร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก แต่อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียยังลงเล่นในนามดัตช์อีสต์อินดีส์ เกาหลีใต้จึงถือเป็นประเทศเอกราชชาติแรกของเอเชียที่ได้แข่งขันฟุตบอลโลก ในการแข่งขันรอบสุดท้าย เกาหลีใต้ตกรอบแบ่งกลุ่มโดยแพ้ขาดลอยทั้งสองนัดต่อทีมชาติฮังการี และตุรกี 0–9 และ 0–7 ตามลำดับ และไม่ได้ลงแข่งขันนัดสุดท้ายที่พบกับเยอรมนีตะวันตก เนื่องจากทั้งสองทีมไม่ได้เป็นทีมวางตามกฎของฟีฟ่าในขณะนั้น และเกาหลีใต้ก็ห่างหายจากการเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายยาวนานถึง 32 ปีหลังจากนั้น

สนามแข่ง

เกาหลีใต้ มีสนามแข่งขันแห่งแรก คือ ทงแดมุนสเตเดียม เป็นศูนย์กีฬาใน กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และรวมไปถึงสนามกีฬาอเนกประสงค์ สวนเบสบอล และอุปกรณ์กีฬาอื่น ๆ โดยได้ลงเล่นในสนามแห่งนี้ ครั้งแรกใน เดือนเม.ษ. 1956 ในรอบคัดเลือก เอเชียนคัพ พบกับ ฟิลิปปินส์ ในปัจจุบันเกาหลีใต้ ลงแข่งขันในหลายสนามทั่วประเทศ รวมถึงสนามของ สโมสรในเคลีก แต่สนามที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ โซลเวิลด์คัปสเตเดียม หรือรู้จักกันในชื่อ ซางนัมสเตเดียม สร้างขึ้นเพื่อ รองรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 ปัจจุบันสนามแห่งนี้ เป็นสนามเหย้าของสโมสร เอฟซีโซล

ชูเอา เฟลิกซ์

เฟลิกซ์ชี้โปรตุเกสลดกดดันเฮเกมแรก

ชูเอา เฟลิกซ์ กองหน้าทีมชาติโปรตุเกสมองว่าทีมลดแรงกดดันลงไปได้พอสมควรภายหลังจากคว้าชัยเกมประเดิมสนามฟุตบอลโลก 2022

ชูเอา

โปรตุเกส บดชนะ กานา ไปแบบบันเทิงใจ 3-2

ในศึกฟุตบอลโลก กรุ๊ป เอช นัดแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้ทีมฝอยทองคว้า 3 คะแนนไปครอบครองได้ตามคาด แล้วก็นัดถัดไปจะลงสนามเจอ อุรุกวัย

หลังจบเกม หัวหอกวัย 23 ปีซึ่งทำหนึ่งประตูในนัดดังกล่าวเผยว่าเป็นชัยที่สำคัญของทีมสำหรับการออกสตาร์ทรายการ ฟุตบอลโลก และดีใจที่ตัวเองทำประตูในนัดที่ผ่านมา

“มันเป็นการบรรเทาแรงกดดัน ปีนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น” กองหน้าจากสโมสร แอตเลติโก มาดริด ระบุ

“เราต้องทำงานให้หนักๆและทำอย่างสุดความสามารถเพื่อให้เราและก็แฟนบอลพึงพอใจในผลงาน มันเป็นช่วงเวลาที่ปิติเป็นอย่างมาก ผมคิดถึงครอบครัวแล้วก็เพื่อนๆของผมที่ดูเกมอยู่ที่บ้าน มันคือฟุตบอลโลก ทุกๆทีมล้วนแข็งแกร่ง ไม่มีเกมไหนที่ง่ายเลย

“เราคาดไว้แล้วว่าจะเป็นเกมที่ยาก เราทราบว่า กานา เป็นทีมที่จริงจังอย่างมาก มีสภาพร่างกายที่ดี ซึ่งสามารถสร้างความลำบากให้เราได้อย่างมากมาย

“อุรุกวัย (คู่แข่งนัดถัดไปในวันจันทร์หน้า) เป็นทีมที่ดี พร้อมด้วยมีนักเตะคุณภาพแล้วก็คุณต้องระวัง

“มันเป็นประตูที่ผมรอคอยมานานมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ทีมเอาชนะ การได้เล่นร่วมกับ คริสเตียโน่ (โรนัลโด้) ถือเป็นความฝัน เป็นมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆผมเคยดูเขาเล่นมาก่อน”

เฟลิกซ์ ประวัติ

เฟลิกซ์ ประวัติ

เขา เป็นนักเตะอาชีพชาวโปรตุเกส ซึ่งปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรอัตเลติโกเดมาดริดในตำแหน่งกองหน้า แต่สามารถเล่นในตำแหน่งปีกและกองกลางตัวรุกได้ด้วย แฟลิกส์เริ่มต้นฝึกในสถาบันเยาวชนของโปร์ตูก่อนจะย้ายไปยังสโมสรคู่แข่งคือไบฟีกาใน ค.ศ. 2015 เขาเริ่มเล่นให้กับทีมสำรองของสโมสรในอีกหนึ่งปีต่อมา และได้เลื่อนขึ้นสู่ทีมหลักใน ค.ศ. 2018 จากนั้นได้กลายเป็นดาวยิงประตูและช่วยให้ไบฟีกาคว้าตำแหน่งชนะเลิศของลีกในฤดูกาลแรกและฤดูกาลเดียวของเขากับสโมสร โดยได้รับรางวัลผู้เล่นอายุน้อยยอดเยี่ยมแห่งปีของลีก นอกจากนี้เขายังกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำแฮตทริกได้ในยูฟ่ายูโรปาลีก (ขณะมีอายุ 19 ปี 152 วัน)

ผลงานของแฟลิกส์จุดประกายความสนใจของสโมสรในยุโรปหลายสโมสร แต่ในที่สุดอัตเลติโกเดมาดริดได้เซ็นสัญญากับเขาใน ค.ศ. 2019 ด้วยค่าธรรมเนียมการย้ายสโมสร 126 ล้านยูโร (112.9 ล้านปอนด์) ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับที่ 4 และเป็นนักฟุตบอลวัยรุ่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับที่ 2 (รองจากกีลียาน อึมบาเป)

ภายหลังจากลงเล่นให้กับทีมเยาวชนของโปรตุเกสในรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี, รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี แฟลิกส์ก็ได้เปิดตัวกับทีมชาติชุดใหญ่ในรอบรองชนะเลิศของยูฟ่าเนชันส์ลีก 2019 รอบสุดท้าย ซึ่งโปรตุเกสเป็นผู้ชนะเลิศในบ้านตัวเอง

เฟลิกซ์ ชูเอา

“ตราหมี” ปัดขาย “เฟลิกซ์” ให้ “ผีแดง” เรียบร้อย

“ตราหมี” ใจแข็ง เมื่อบอกปัดข้อเสนอก้อนโตกว่า 100 ล้านปอนด์ที่ แมนฯยู ได้ร่อนมาขอซื้อ “ชูเอา เฟลิกซ์” หัวหอกพรสวรรค์ เรียบร้อย แอตเลติโก มาดริด ยอดทีมแห่งศึกลา ลีกา สเปน ใจแข็ง เมื่อจัดการปฏิเสธข้อเสนอก้อนโตถึง 111 ล้านปอนด์ (ราว 4,884 ล้านบาท) ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นมาเพื่อขอซื้อ ชูเอา เฟลิกซ์ หัวหอกทีมชาติโปรตุเกส ไปเสริมคมแล้ว ตามรายงานจาก “อาส” สื่อดังแดนกระทิงดุ

แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการกองหน้าตัวใหม่เข้าไปเสริมแนวรุก หลัง อองโตนี มาร์กซิยาล ได้รับบาดเจ็บ แถมอนาคตของ คริสเตียโน โรนัลโด ก็ยังไม่แน่นอน โดยเล็งเป้าไปที่ เฟลิกซ์ ซึ่งมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 295 ล้านปอนด์ (ราว 12,980 ล้านบาท) อย่างไรก็ตามล่าสุด “อาส” รายงานว่า แอตฯ มาดริด จัดการปฏิเสธข้อเสนอจาก “ผีแดง” เรียบร้อย ขณะที่ทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของ “ตราหมี” ยังโพสต์รูป เขา พร้อมแคปชั่น “Priceless” หรือ “ประเมินค่าไม่ได้” เอาไว้อีกด้วย ซึ่งพอจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า แชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย น่าจะสนใจ กองหน้าวัย 22 ปีจริง ทั้งนี้ เขา นับเป็นหัวหอกของ แอตฯ มาดริด รายที่ 3 แล้วที่ตกเป็นข่าวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เรด เดวิลส์ กำลังให้ความสนใจทั้ง อัลบาโร โมราตา และมัทเธอุส คุนญา อยู่เช่นกัน

ซาอุดิอาระเบีย ชนะ

‘ซาอุ’พลิกล็อกช็อกฟุตบอลโลกล้ม’อาร์เจน’2-1

ซาอุดิอาระเบีย ฟุตบอลโลก 2022 เจอผลการแข่งขันสุดช็อกตั้งแต่วันที่3 อาร์เจนฯ 1ในทีมเต็งแชมป์ ยิงนำก่อน แต่กลับ ซาอุดิอาระเบีย 1-2 ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป ซี ระหว่างทีมอาร์เจนฯ 1 – ทีมซาอุดิอาระเบีย 2 แข่งขันที่สนาม ลูซาอิล ไอโคนิค สเตเดี้ยม

ซาอุดิอาระเบีย

อาร์เจนฯ 1ในทีมเต็งแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

นำทีมโดย ลีโอเนล เมสซี่, อังเคล ดิ มาเรีย, เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ ได้ลงเล่นเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มพบกับ ซาอุดิอาระเบีย

เปิดฉากมาได้ 2 นาที ฟ้า-ขาว ได้ประเดิมก่อน เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ พลิกยิงไม่ได้ ถูกจิ้มออกมาเข้าทาง ลีโอเนล เมสซี่ แปด้วยซ้ายในระยะ 16 หลาเน้นทิศทางแต่ โมฮัมเหม็ด อัล-โอวาอิส พุ่งเซฟได้สวย

ผู้ตัดสิน สลาฟโก้ วินชิช ชาวสโลวีเนีย มาเช็กวีเออาร์ในภายหลัง แล้วให้จุดโทษ อาร์เจนฯ ในนาที 10 จังหวะที่ เลอันโดร ปาเรเดส ถูกโอบโดย ซาอุด อับดูลฮามิด และก็เป็น เมสซี่ สังหารจุดโทษแบบนิ่มๆ เป็นประตู 1-0

นาที 22 อาร์เจนตินา ได้เฮเก้อ เมสซี่ หลุดเดี่ยวไปยิงแต่มีธงล้ำหน้า และในอีก 5 นาทีถัดมา เลาตาโร่ ก็หลุดเดี่ยวไปชิพนิ่มๆ แต่ถูกวีเออาร์ตรวจจับเป็นล้ำหน้าแค่แขน และยังมีอีกครั้งในนาที 35 ที่ เลาตาโร่ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงเสียบตาข่าย แต่คราวนี้ล้ำหน้าเยอะ

ช่วงครึ่งหลัง ซาอุดิอาระเบีย พลิกสถานการณ์จากที่เกือบโดนหลายลูกในครึ่งแรก มาตีเสมอ 1-1 ตั้งแต่นาที48 ซาเลห์ อัล-เชห์รี่ กระชากหนี คริสเตียน โรเมโร่ ขาดวิ่นเข้าเขตโทษด้านซ้ายแถมยังยิงด้วยซ้ายเสียบเสาไกล

เท่านั้นไม่พอ ซาอุดิอาระเบีย พลิกแซง 2-1 ในนาที 53 ซาเลม อัล-ดอว์ซารี่ ตามไปเก็บบอลที่เพื่อนยิงติดบล็อค แล้วพลิกวนเข้าเขตโทษก่อนปั่นเท้าขวาตรงเส้น 18 หลา บอลโค้งเสียบเสาสองหมดจด

จากนั้น อาร์เจนฯ เปลี่ยนตัว 3 คนรวด ฮูเลียน อัลวาเรซ, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, ลีซานโดร มาร์ตีเนซ ลงแทน ปาปู โกเมซ, เลอันโดร ปาเรเดส, คริสเตียน โรเมโร่

นาที 63 อาร์เจนตินา น่าตีเสมอได้สุดๆ ในจังหวะยิงที่ ลีซานโดร มาร์ตีเนซ แปไม่เต็มเท้าแต่ไปโดน นิโกลัส ตาเกลียฟิโก้ เปลี่ยนทางเข้ากรอบ แต่ยังมี อัล-โอวาอิส ซูเปอร์เซฟออกหลังไปได้

อาร์เจนฯ มาได้ฟรีคิกหวังผลระยะเกือบๆ 30 หลาในนาที 80 แต่ เมสซี่ ปั่นเท้าซ้ายข้ามคานไปเยอะ

จบเกม อาร์เจนฯ พลิกล็อกแพ้ ซาอุดิอาระเบีย 1-2 นัดแรก ฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

อาร์เจนตินา : เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ – นาอวล โมลีน่า, คริสเตียน โรเมโร่, นิโกลัส โอตาเมนดี้, นิโกลัส ตาเกลียฟีโก้ – โรดรีโก้ เด ปอล, เลอันโดร ปาเรเดส – อังเคล ดิ มาเรีย, ลีโอเนล เมสซี่, อเลฮานโดร ‘ปาปู’ โกเมซ – เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ

ซาอุดิอาระเบีย : โมฮัมเหม็ด อัล-โอวาอิส – ซาอุด อับดูลฮามิด, ฮัสซัน อัล-ตัมบัคตี, อาลี อัล-บูไลฮี, ยาสเซอร์ อัล-ชาห์รานี่ – ซาเลห์ อัล-เชห์รี่, โมฮาเหม็ด คานโน่, อับดูเลลลาห์ อัล-มัลคี, ซาเลม อัล-ดอว์ซารี่ – ซัลมาน อัล-ฟาราจ – ฟิราส อัล-บูไรคาน

ซาอุดิอาระเบีย ฟุตบอลทีมชาติ

เป็นทีมฟุตบอลประจำชาติของซาอุดิอาระเบียในการแข่งขันระหว่างประเทศ อยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลซาอุดีอาระเบีย มีฉายาคือ อัลศอกรฺ (Al-Saqour) หรือภาษาอังกฤษคือ The Falcons (นกเหยี่ยว) และ อัลอัคฎอร (Al-Akhdar) หรือภาษาอังกฤษคือ The Green ซึ่งมาจากสีประจำทีมคือสีเขียว ซาอุดิอาระเบียได้ลงแข่งขันทั้งในรายการของสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ และสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย

ซาอุดิอาระเบียเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งในทวีปเอเชีย โดยชนะเลิศการแข่งขันเอเชียนคัพ 3 สมัย (ค.ศ. 1984, 1988 และ 1996) และเป็น1ในสองทีมที่เข้าชิงชนะเลิศรายการนี้มากที่สุด 6 ครั้ง และพวกเขายังคว้าเหรียญเงินในเอเชียนเกมส์ 1986 ซาอุดิอาระเบียเข้าร่วมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 6 ครั้ง และยังเป็นชาติแรกในเอเชียที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศการแข่งขันของฟีฟ่าในนามทีมชาติชุดใหญ่ โดยเข้าชิงชนะเลิศรายการ คิงฟาฮัด คัพ ใน ค.ศ. 1992 ซึ่งในปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ “ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ” โดยมีเพียงอีกสองชาติที่ทำสถิติดังกล่าวได้จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ออสเตรเลีย ใน ค.ศ. 1997 (ซึ่งลงแข่งขันในนามสมาพันธ์ฟุตบอลโอเชียเนียในขณะนั้น) และญี่ปุ่นใน ค.ศ. 2001

ซาอุดิอาระเบียได้ลงแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในฟุตบอลโลก 1994 โดยเอาชนะเบลเยียม และโมร็อกโกได้ในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจะเข้าไปแพ้สวีเดนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่งผลให้พวกเขาเป็นทีมจากชาติอาหรับประเทศที่สองที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก ต่อจากโมร็อกโกในฟุตบอลโลก 1986 และเป็นหนึ่งในห้าทีมของเอเชียที่ทำได้ (ร่วมกับญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย และเกาหลีเหนือ)

ซาอุดิอาระเบีย สนามแข่ง

ตั้งแต่อดีต ซาอุดิอาระเบียมักจะลงเล่นที่สนาม คิง ฟาฮัด อินเตอร์เนชันแนล สเตเดียม ตั้งอยู่ในกรุงรียาด เป็นหนึ่งในสนามกีฬาที่มีหลังคาขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีฉายาว่า “The Pearl” หรือ ไข่มุก โดยเป็นสยามเหย้าในการแข่งขันรายการสำคัญของทีมชาติซาอุดีอาระเบียทั้งในการแข่งขันระดับภูมิภาครวมถึงฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก

นับตั้งแต่ทศวรรษ 2000 เป็นต้นมา ซาอุดิอาระเบียมีการใช้สนามอื่น ๆ มากขึ้น ในฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก พวกเขาลงเล่นที่ สนามปรินซ์ โมฮาเหม็ด บิน ฟาฮัด สเตเดียม ในอัดดัมมาน และในฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก พวกเขาใช้สนาม ไฟซาล บิน ฟาฮัด และนับตั้งแต่ทศวรรษ 2010 ซาอุดีอาระเบียลงเล่นที่คิงอับดุลลอห์สปอร์ตซิตี ในรียาด ซึ่งเป็นสนามที่สร้างขึ้นใหม่ความจุกว่า 60,000 ทีนั่ง

คุกเข่าก่อนคิกออฟ

เซาธ์เกตยันสิงโตคุกเข่าก่อนคิกออฟอิหร่าน

แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่ปรึกษาทีมชาติอังกฤษ ออกมายืนยันเมื่อวันอาทิตย์ว่าผู้เล่นพลพรรค สิงโตคำราม จะคุกเข่าก่อนเกมเปิดสนามของพวกเขานัดเจอ ประเทศอิหร่าน ในวันจันทร์

แกเร็ธ เซาธ์เกต

เดลี่ เมล เผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า

กลุ่มผู้นำระดับสูง ของทีมชาติอังกฤษยังไม่ได้ตัดสินใจว่า พวกเขาจะคุกเข่าในทัวร์นาเมนต์ ที่กาตาร์หรือไม่ หลังจากมีการอนุญาตให้ เซาธ์เกต เป็นคนตัดสินใจ

อังกฤษ เลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น ในเกมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อเร็วๆนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลับมาทำ สิ่งดังกล่าวในการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว

เซาธ์เกต กล่าวในงานแถลงข่าวก่อนเกมที่จะเจอกับ ประเทศอิหร่าน ว่า “เราได้หารือเกี่ยวกับการคุกเข่าแล้ว และเรามีความคิดว่าเราควรจะที่จะทำ”

“มันคือสิ่งที่เรายืนหยัดในฐานะทีม และเราทำมานานแล้ว”

“เรามั่นใจว่านี่เป็นถ้อยแถลงที่หนักแน่น ที่จะเผยแพร่ไปทั่วโลก โดยยิ่งไปกว่านั้นอย่างยิ่งสำหรับคนหนุ่มสาวที่เห็นว่า การไม่แบ่งแยกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก”

แกเร็ธ

ทำไม แกเร็ธ เซาธ์เกต อาจพาอังกฤษล้มเหลวในฟุตบอลโลก ?

เขาสามารถพา ทีมชาติอังกฤษเข้าในรอบลึกของฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่ อย่างรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก และเข้าชิงชนะเลิศในยูโรในครั้งล่าสุด ทำให้เขาเกิดความมั่นใจมากเหมือนกัน ในการทำทีมชาติอังกฤษชุดปัจจุบัน ด้วยในความคาดหวังที่มากขึ้นจากแฟน ๆ ว่าทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งหน้าต้องเป็นช่วงเวลาของอังกฤษบ้าง แต่ก็ดูเหมือนว่าทีมชาติอังกฤษที่เต็มไปด้วยดาวดังจะไม่ลงเอยแบบนั้น เมื่อความเชื่อผิด ๆของแกเร็ธ เซาธ์เกต เริ่มมามีส่วนทำให้พวกเขา ยิ่งจมดิ่งลงไปในเหวลึก และมันก็ยิ่งลึกกว่าเดิม ในรายการยูฟ่า เนชันส์ ลีก ที่พวกเขาถูกปรับร่วงตกจากกลุ่มสูงสุดเป็นที่เรียบร้อย การเดินอย่างผิดทางของเซาธ์เกต นำพามาสู่ความล้มเหลวที่อังกฤษจะต้องเผชิญ และ
เตรียมตัวเข้าสู่กับหายนะในฟุตบอลโลก

เซาธ์เกต

การเลือกตัวผู้เล่นของ แกเร็ธ เซาธ์เกต

สิ่งที่ เขาถูกตั้งคำถามอยู่เสมอ คือการเลือกตัวผู้เล่น เมื่อเขาดึงนักฟุตบอลหลายคนเข้าร่วม ทีมชาติแบบที่ ไม่ได้อิงตามฟอร์มการเล่นปัจจุบัน แต่ก็จะเลือกตาม ที่เขาอยากจะเลือกเสมอ เซาธ์เกตเลือกผู้เล่นในตำแหน่ง เกมรับในเบรคทีมชาติปัจจุบันได้อย่างย่ำแย่ โดยเอาแบ็คซ้ายมาแค่คนเดียว ซึ่งก็คือลุค ชอว์ ที่ฟอร์มตกกับทางต้นสังกัด อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในขณะที่แบ็คขวาเขาเลือกมาถึง 4 คน แต่ใช้จริงแค่ 2 คนเท่านั้น ก็คือ ไคล์ วอล์คเกอร์ และรีซ เจมส์ ซึ่งเซาธ์เกทเอาเจมส์ แบ็คขวา จากเชลซี ไปเล่นแบ็คซ้าย ทั้งที่ในระดับสโมสรเขาแทบจะ ไม่ได้เล่นตำแหน่งนี้เลย ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยว่า ผลงานของเขาต้องไม่ดีแบบที่ควรจะเป็นอย่างแน่นอน แถมที่ตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็คเขาเลือกเอาแฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ฟอร์มตกติดทีมมา เพื่อจะเป็นตัวจริงด้วย ซึ่งก็ยิ่งทำให้โค้ชรายนี้เจอแรงกดดันมากกว่าเดิม

ส่วนในตำแหน่งตัวรุก ก็ถูกโจมตีเหมือนกัน เมื่อจาดอน ซานโช่ที่ฟอร์มดีกว่า จาร์ร็อด โบเว่น และ แจ็ค กรีลิช กลับไม่มีชื่อติดทีมมาด้วยซะอย่างนั้น ในขณะที่อีก2รายกลับติดทีมชาติ เชื่อได้เลยว่าถ้าหากจอร์แดน พิคฟอร์ด ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บ ผู้รักษาประตูฟอร์มตกจากเอฟเวอร์ตันรายนี้ก็จะติดทีมไปด้วยเช่นกัน มันยิ่งกลายเป็นข้อกังขาของผู้จัดการทีมรายนี้

การเล่นที่ตกยุค

ทีมชาติอังกฤษ อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ห่วย โดยเฉพาะการเล่น ในเกมรุก แทนที่จะเพิ่มสีสันเข้าไปเพิ่มเติม ในการสร้างสรรค์เกม แก้ไขสิ่งที่ขาดอยู่ในตอนนี้ ในทางกลับกันสิ่งที่เซาธ์เกตแก้ไขสุดท้ายแล้ว เขากลับไปใช้วิธีการที่เคยสำเร็จมาในฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ด้วยการเล่นในแบบ กองหลัง 3 คน เอริค ไดเออร์ที่ก็อยู่ในชุดนั้นกลับมาอยู่ในชุดตัวจริง เล่นร่วมกับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ เหมือนขนาดที่ว่า เอาปีกมาเล่นแบ็ค ซึ่งปี 2018 เป็นแอชลี่ย์ ยัง ส่วนรอบนี้เป็นบูคาโย่ ซาก้า ถ้าย้อนไปเล่นแบบในปี 2018 ทีมชุดนั้นค่อนข้างที่จะมีข้อจำกัดเยอะ และสุดท้ายเลือกใช้การเล่นลูกตั้งเตะ เป็นอาวุธหลักของทีม จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะต้องใช้แทคติคโบราณ เล่นอย่างรัดกุม และสร้างประตูจากโอกาสฉาบฉวย

ในทางกลับกันเมื่อมองมาในทีมชาติอังกฤษชุดนี้ มีนักฟุตบอลที่มีพรสวรรค์มากมายที่พร้อมช่วยสร้างเกมรุกอย่างสร้างสรรค์ทั้ง ฟิล โฟเดน และ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่ต่างก็เก่งเกินวัยเพราะต่างก็มีประสบการณ์ระดับนานาชาติกันมาแล้ว แต่มาเล่นในแทคติคที่ไม่ได้ใช้จินตนาการ ต้องเล่นแบบไม่กล้าได้กล้าเสีย ก็เสียของเป็นธรรมดา ด้วยการเล่นที่ย้อนกลับไปหาวิธีแบบโบราณ เห็นชัดว่าทีมนี้มีปัญหาในการสร้างโอกาสทำประตู ในช่วงเวลา 5 เกมที่พวกเขาแข่งขันในรายการยูฟ่า เนชันส์ ลีก ในปี 2022 มีเพียงลูกจุดโทษที่แฮร์รี่ เคน ยิงใส่ทีมชาติเยอรมันเท่านั้นที่พวกเขายิงได้ นั่นหมายความพวกเขาสร้างประตูจากโอเพ่น เพลย์ ไม่ได้เลย โดยถ้าหากนับจากการยิงแบบโอเพ่นเพลย์ในครั้งล่าสุดคือเกมที่พวกเขายิงใส่ซาน มาริโน่ เมื่อพฤศจิกายนปี 2021 มันเห็นชัดเจนว่ายิ่งเล่นยิ่งแย่ ยิ่งกลับไปวิธีเก่า ยิ่งเหมือนถลำลึกเข้าไปในปัญหา ทั้งที่พวกเขามีชุดนักเตะที่น่าจะดีที่สุดทีมหนึ่งในโลกลูกหนัง

แกเร็ธ เบล

“เบล” ฟิตพร้อมลุยฟุตบอลโลก ยืนยันเวลส์สนับสนุน LGBTQ+

แกเร็ธ เบล กัปตันทีมชาติเวลส์ ยืนยันสภาพร่างกายเต็ม 100 พร้อมลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ท่ามกลางสถานการณ์ปัญหาในกาตาร์ กับฟุตบอลโลกในรอบนี้

แกเร็ธ

เวลส์ จะลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 64 ปี

โดยพวกเขาร่วมกลุ่มกับ อังกฤษ, ประเทศอิหร่าน และสหรัฐอเมริกา โดยจะเล่นเกมแรก 21 พฤศจิกายน 2022 โดย กาตาร์ เจ้าภาพถูกวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับปัญหาเรื่องของสิทธิมนุษยชนและอีกหลายเรื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่สำหรับ เบล แล้วในฐานะนักฟุตบอลเขาก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับในการจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้

 เบล

แกเร็ธ เบล ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

“แน่ๆสำหรับเราในฐานะนักฟุตบอล มันเป็นประเด็นที่ยากสำหรับในการจะกล่าวถึง แต่ในแง่ของทีมพวกเราเชื่อว่าพวกเราจะสามารถแสดงผลงานออกมาได้ดีแน่ท่ามกลางเรื่องเหล่านี้ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น พวกเรามีการพูดคุยกับสมาคมฟุตบอล และก็พวกเขาคุยกับรัฐบาลของเวลส์ ซึ่งกำลังจะมีการคุยกับ กาตาร์ และก็ ฟีฟ่าในเรื่องนี้ โดยพวกเราจะส่งเสริมอย่างเต็มที่ในสิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ในฐานะของนักฟุตบอล และก็พวกเราหวังว่ามันจะทำการกระตุ้นการรับรู้และก็ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีมากยิ่งกว่าเดิม”

“สำหรับเกมการแข่งขันผมเชื่อมั่นในความพร้อมเพรียงของร่างกายตนเอง และก็ผมจะลงเล่นอย่างเต็มที่ตลอด 90 นาที และก็จะเป็นการเล่นครบทั้งสามเกมอย่างแน่ๆถ้าเกิดได้รับจังหวะลงเล่น”

ทั้งนี้ เวลส์ เป็นอีกหนึ่งชาติที่ส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ หรือ LQBTQ+ โดยปลอกแขนกัปตันทีมของพวกเขาจะเป็นสีรุ้งสิ่งเดียวกัน หลายชาติที่จะสวมปลอกแขนในลักษณะเดียวกัน ท่ามกลางกฎหมายของกาตาร์ที่ไม่สนับสนุนการแสดงออก หรือยอมรับในเรื่องนี้

กัปตันทีมชาติเวลส์

ประวัติของ แกเร็ธ เบล

เกิดวันที่ 16 ก.ค. ค.ศ. 1989 เป็นนักเตะชาวเวลส์ ซึ่งปัจจุบันเล่นในตำแหน่งปีกให้กับลอสแอนเจลิส สโมสรในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ และทีมชาติเวลส์ เขายังเคยอยู่กับเรอัลมาดริดในลาลิกาและทอตแนมฮ็อตสเปอร์ในพรีเมียร์ลีก และยังเป็นนักฟุตบอลที่ได้รางวัลผู้เล่นแห่งปีจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ ต่อมาได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยราคา 85 ล้านปอนด์ เป็นสถิติโลกใหม่ของการซื้อขายนักฟุตบอล แต่ถูกทำลายลงโดยปอล ปอกบา ที่ย้ายจากสโมสรฟุตบอลยูเวนตุส สู่สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2017–18

แกเร็ธ เบล คว้าแชมป์ของโรงเรียนได้ตอนอายุ 16

เมื่ออายุได้ 16 ปี เบล ก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของโรงเรียนคว้าแชมป์ “คาร์ดิฟฟ์ แอนด์ เวล ซีเนียร์ คัพ” ไปครอง และเมื่อเรียนจบในช่วงซัมเมอร์ 2005 แผนกพลศึกษาของโรงเรียนก็ได้มอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านกีฬาให้กับดาวรุ่งรายนี้ด้วย เบล พัฒนาฝีเท้าได้อย่างรวดเร็วและเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะจอมยิงฟรีคิกของทีม ขณะที่เกมสุดท้ายของเบล กับเซาแทมป์ตัน เป็นเกมเพลย์ออฟแชมเปี้ยนชิพ รอบรองชนะเลิศ กับดาร์บี้ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2007 แต่เจ้าตัวกลับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในช่วงครึ่งหลังจนไม่สามารถฝืนเล่นต่อไปได้ โดยรวมทั้งหมดเบลเล่นให้กับเซาแทมป์ตันไป 45 นัด และทำไป 5 ประตู

จากนั้น เบล ก็ได้ย้ายไปค้าแข้งกับ สเปอร์

ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2007 และเซ็นสัญญาเป็นเวลา 4 ปี โดยสเปอร์จ่ายค่าตัวไป 5 ล้านปอนด์ (ราว 300 ล้านบาทในเวลานั้น) พร้อมกับอ็อปชั่นที่ว่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมหากว่า เบล สามารถช่วยให้สเปอร์ส ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งคาดว่ารวม ๆ แล้วอาจจะสูงถึง 10 ล้านปอนด์ เบล ประเดิมสนามนัดแรกให้สเปอร์ส ในเกมอุ่นเครื่องกับเซนต์ แพตทริคส์ แอตแลติก เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2007 ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวในช่วงท้ายเกมเนื่องจากบาดเจ็บ

ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2007

เบล ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวาอย่างรุนแรง จนต้องพักนานหลายเดือน อย่างไรก็ตามในเดือนส.ค. 2008 เจ้าตัวก็ได้เซ็นสัญญากับสเปอร์ส เพิ่มอีก 4 ปีแม้ส่วนตัวแล้วจะทำผลงานได้ดี แต่ไม่น่าเชื่อว่า เบล จะมีสถิติลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก 24 นัดให้สเปอร์ส โดยที่ทีมไม่ชนะเลย จนโดนตราหน้าว่าเป็น “ตัวซวย” ที่เมื่อลงสนามเมื่อไหร่ ทีมจะไม่ชนะ ซึ่งกว่าที่เบลจะได้สัมผัสชัยชนะในลีกเป็นนัดแรกก็ต้องรอจนถึงเกมที่พบกับเบิร์นลีย์ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2009 ซึ่งกินเวลามากกว่า 2 ปี หลังจากที่เซ็นสัญญาในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน โดยเกมดังกล่าวเบลถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 85

ฤดูกาล 2010-11

เบล เริ่มต้นได้อย่างสวยหรูเมื่อเหมาคนเดียว 2 ประตูให้ทีมชนะสโตกซิตี 2-1 เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2010 และถัดมาอีก 4 วัน เบลก็ทำแอสซิสต์ทั้ง 4 ลูกให้ สเปอร์ส ถล่ม ยัง บอยส์ เบิร์น จากสวิตเซอร์แลนด์ 4-0 ในศึกแชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ ที่ไวต์ฮาร์ตเลน ฤดูกาล 2012-13 เบล เปลี่ยนมาใส่เสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเบอร์ของไรอัน กิกส์ ขวัญใจของเบลในทีมชาติเวลส์ เบลได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยราคา 85.3 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติโลกของคริสเตียโน โรนัลโด นักเตะของรีล มาดริดเช่นกัน โดยทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2013

แกเร็ธ เบล เกิดที่

คาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของเวลส์ เป็นลูกชายแฟรงค์ เบล และเป็นหลานชายของ คริส เพคส์ อดีตผู้เล่นของคาร์ดิฟฟ์ซิตี อีกด้วย โดยสมัยที่เจ้าตัวอายุได้ 9 ขวบ เจ้าตัวก็ได้รับความสนใจจากแมวมองของเซาท์แธมป์ตัน จากนั้น เบล ก็เข้าเรียนที่โรงเรียนวิทเชิร์ช ไฮสคูล ในคาร์ดิฟฟ์ที่ซึ่งลงเล่นรักบี้, ฮ็อคกี้ และวิ่งระยะไกล ไปพร้อมกับการเล่นฟุตบอล โดยระหว่างที่เรียนที่วิทเชิร์ช เบลก็ได้ฝึกฝีเท้ากับสถาบันฟุตบอลของทีมเซาแทมป์ตันที่เมืองบาธ ไปด้วยพร้อม ๆ กัน กล่าวกันว่าเมื่อกลับจากโรงเรียนเบลไม่เคยอ้อนวอนพ่อให้เปิดดูการ์ตูนหรือโทรทัศน์ มีแต่อ้อนวอนให้ออกไปเล่นฟุตบอล

บรูโน เฟอร์นันเดส แมนยู

“ใครจะแฮปปี้ถ้ามีคนตาย”! “บรูโน” เปิดใจถึงการไปเล่น ฟุตบอลโลก

บรูโน เฟอร์นันเดส เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งของ แมนฯยู ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังจบเกมที่พวกเขาเฉือนเอาชนะ ทีมฟูแลม 1-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในประเด็นของการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังจะเริ่มขึ้น

บรูโน

บรูโน เฟอร์นันเดส ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

“แน่นอน มันรู้สึกแปลกๆ มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเลยในการแข่งขันบอลโลก ผมคิดแทนหลาย ๆ คนนะ ว่ามันไม่ใช่เวลาที่ดี เด็ก ๆ ยังอยู่ในระหว่างการเรียน หลายๆคนยังคงทำงานในช่วงที่มีการแข่งขัน”

“อีกทั้งยังได้ยินข่าวที่ไม่ดีตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาที่ว่ามีคนต้องเสียชีวิตจากการสร้างสนามให้ยิ่งใหญ่เหมาะกับทัวร์นาเมนต์ แน่นอนว่าใครจะรู้สึกดีถ้ามีคนต้องตายจริงไหมล่ะ”

“เราต้องการให้ฟุตบอลเป็นของทุก ๆ คน และทุกคนต้องสามารถมีส่วนร่วมกับมันได้ เพราะมันคือบอลโลก ใครที่ต้องการจะมีส่วนร่วมไม่ว่าจะใครหน้าไหนบนโลกพวกเขาต้องมีสิทธิได้รับมัน เพราะฟุตบอลโลกเป็นของคนทุกคน”

ประวัติ

ประวัติ บรูโน เฟอร์นันเดส

บรูโน มีแกล บอร์ฌึช เฟร์นันเดส เกิดเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ค.ศ. 1994 หรือที่รู้จักในหมู่แฟนฟุตบอลคนไทยว่า “บรูโน่ เฟอร์นานเดส” เป็นนักฟุตบอลชาวโปรตุเกส ในปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับแมนยูและทีมชาติโปรตุเกส เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพนักฟุตบอลอยู่ที่กัลโชเซเรียอา อิตาลี โดยลงเล่นในเซเรียอารวม 119 นัด และทำ 15 ประตูให้กับอูดีเนเซและซัมป์โดเรีย ใน ค.ศ. 2017 เขาเซ็นสัญญาเล่นให้กับสปอร์ติงลิสบอน ทีมดังในประเทศโปรตุเกสประเทศบ้านเกิดและลงเล่นที่นั่นเป็นเวลา 3 ปี ก่อนที่ย้ายร่วมทีมแมนยูเมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2020 ด้วยค่าตัว 55 ล้านยูโร (47 ล้านปอนด์) และได้สวมเสื้อ
เบอร์ 18 ซึ่งเคยเป็นเบอร์ของ พอล สโกลส์ ตำนานผู้เล่นตำแหน่งกองกลางของทีม

เฟร์นันเดส ได้กลายเป็นนักเตะตัวหลักในทีมในระยะเวลาอันรวดเร็ว และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นกองกลางตัวรุกที่มีฝีเท้าดีที่สุดคนหนึ่งในการแข่งขัน พรีเมียร์ ลีก เขามีจุดเด่นเรื่องการสังหารลูกตั้งเตะโดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิงจุดโทษที่เฉียบคมและยังยิงลูกฟรีคิกได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้เขายังมีทักษะการจ่ายบอลอันยอดเยี่ยมและการเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาด เฟร์นันเดส ลงสนามในครึ่งฤดูกาลหลังในฤดูกาล 2019–2020 รวม 22 นัด ทำไป 12 ประตู และในฤดูกาลปัจจุบัน (2020–2021) เขายังคงรักษาฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่อง โดยลงสนามให้แมนยูครบทุกนัดในลีก และลงเล่นทุกรายการรวม 55 นัด ทำไปทั้งสิ้น 27 ประตู โดยสามารถพาทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการยูโรปาลีกได้ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2021

เฟร์นันเดส ได้ถูกเรียกเป็นผู้เล่นทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่นับตั้งแต่ ค.ศ. 2017 ในการแข่งขันบอลโลก 2018 ก่อนหน้านี้เขาเคยลงเล่นระดับเยาวชนในนามทีมชาติและเป็นอดีตกัปตันทีมชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี ซึ่งมีรุย ฌอร์ฌึ เป็นผจก.ทีมและเคยพาทีมเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในการแข่งขันฟุตบอลในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ค.ศ. 2016 นับตั้งแต่ ค.ศ. 2017 เป็นต้นมา เขาลงเล่นในนามทีมชาติชุดใหญ่ทุกรายการรวม 27 นัด ทำได้ 2 ประตู และได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตัวหลักของทีมในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปใน ค.ศ. 2021 รวมทั้งการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายใน ค.ศ. 2022 ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022–23 เฟร์นันเดส ได้เปลี่ยนหมายเลขเสื้อใหม่ โดยไปใส่เบอร์ 8 ซึ่งเป็นเลขโปรดของเขา ภายหลังที่ ฆวน มาตา เจ้าของคนเก่าอำลาแมนยูไป

เฟอร์นันเดส แมนยู

ผลงานทีมชาติโปรตุเกส

บรูโน่ เฟอร์นันเดส ได้เริ่มต้นการเล่นให้กับ ทีมชาติโปรตุเกส ครั้งแรก ในระดับเยาวชน เมื่อปี 2012 ในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จากนั้นก็ขยับขึ้นไปเล่น ในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รวมทั้งรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี อีกด้วย

จนกระทั่งปี 2017 ที่เจ้าตัวย้ายมาค้าแข้งกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็ได้รับโอกาสสำคัญ เมื่อเขาถูกดันขึ้นไปเล่นให้กับ ทีมชาติโปรตุเกส ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก และได้ลงสนามเป็นเกมแรก หลังจากการลงมาเป็นตัวสำรอง แทน มานูเอล แฟร์นานเดส ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกมอุ่นเครื่องที่ ประเทศโปรตุเกส เอาชนะ ซาอุดิอาระเบีย ไปขาดลอย 3-0 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2017

จากฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม ฟอร์มที่ร้อนแรงกับการเล่นให้กับ สปอร์ติ้ง ทำให้ บรูโน่ ถูก เรียกไปติดทีมชาติโปรตุเกส ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เป็นตัวหลักให้กับทีมชุดนั้น ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในแรกของรอบแบ่งกลุ่ม และถูกเปลี่ยนตัวออก และลงมาเป็นสำรองในนัดที่ 2 ของรอบแบ่งกลุ่ม ต่อจากนั้นก็ไม่ได้ลงสนามอีกเลย จนกระทั่งโปรตุเกส ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย จากการแพ้พ่ายต่อ ประเทศอุรุกวัย 1-2 ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ บรูโน่ ลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 25 นัด ยิงได้ 2 ประตู และเจ้าตัวก็ยังเป็นนักเตะที่อยู่ในชุดคว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อปี 2019 อีกด้วย

แชมป์

เกียรติประวัติ

  • นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือนของลีกโปรตุเกส (6 ครั้ง)
  • นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของลีกโปรตุเกส (7 ครั้ง)
  • นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของลีกโปรตุเกส ปี 2017/2018 , 2018/2019
  • ติดทีมยอดเยี่ยมของศึกยูโรปา ลีก ปี 2017/18 , 2018/2019
  • ติดทีมยอดเยี่ยมของศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ปี 2019
  • นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก (2 ครั้ง)
  • นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2019/2020
  • ดาวซัลโวศึกยูโรปา ลีก ปี 2019/2020

บรูโน

โรนัลโด้

‘โด้’แกนนำพาโปรตุเกสลุยบอลโลก

ทีมชาติ โปรตุเกส ประกาศรายชื่อ 26 ผู้เล่นที่จะเดินทางไปทำศึกฟุตบอลโลกปลายเดือนนี้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ทีมฝอยทองอยู่ร่วมกรุ๊ปเดียวกับ กานา (24 พฤศจิกายน), อุรุกวัย (28 พฤศจิกายน) แล้วก็ เกาหลีใต้ (2 เดือนธันวาคม) โดยในล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แฟร์นันโด ซานโต๊ส ผู้ฝึกสอนใหญ่ได้ทำการประกาศรายชื่อ 26 นักฟุตบอลออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดาวดังอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นำทีมตามคาด รวมไปถึง แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ราฟาเอล เลเอา, ชูเอา เฟลิกซ์, รูเบน ดีอาส, ชูเอา กานเซโล่ แล้วก็ บรูโน่ แฟร์นันด์ส

โรนัลโด้ โหม่งบอล

รายชื่อนักฟุตบอล ทีมชาติ โปรตุเกส ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022

ผู้เฝ้าประตู: ดีโอโก้ คอสต้า (ปอร์โต้), รุย ปาตริซิโอ (โรม่า), โชเซ่ ซา (วูล์ฟแฮมป์ตัน)

กองหลัง: ดีโอโก้ ดาโลต์ (แมนฯ ยูไนเต็ด), ชูเอา กานเซโล่ (แมนฯ ซิตี้), ราฟาเอล เกร์เรยโร่ (ดอร์ทมุนด์), อันโตนิโอ ซิลวา (เบนฟิก้า), เปเป้ (ปอร์โต้), นูโน่ เมนเดส (เปแอสเช), ดานีโล่ เปเรยร่า (เปแอสเช), รูเบน ดีอาส (แมนฯ ซิตี้)

กองกลาง: ชูเอา ปาลญินญ่า (ฟูแล่ม), รูเบน เนเวส (วูล์ฟแฮมป์ตัน), แบร์นาร์โด้ ซิลวา (แมนฯ ซิตี้), บรูโน่ แฟร์นันด์ส (แมนฯ ยูไนเต็ด), ชูเอา มาริโอ (เบนฟิก้า), มาเธอุส นูเนส (วูล์ฟแฮมป์ตัน), โอตาวิโอ (ปอร์โต้), วิตินญ่า (เปแอสเช), วิลเลียม คาร์วัลโญ่ (เรอัล เบติส)

แผงหน้า: อันเดร ซิลวา (ไลป์ซิก), คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (แมนฯ ยูไนเต็ด), กอนซาโล่ รามอส (เบนฟิก้า), ชูเอา เฟลิกซ์ (แอตเลติโก มาดริด), ริคาร์โด้ ออร์ต้า (บราก้า), ราฟาเอล เลเอา (เอซี มิลาน)

โรนัลโด้ ทีมชาติ โปรตุเกส

ฟุตบอล ทีมชาติ โปรตุเกส

ซึ่งเป็นตัวแทนของทีมฟุตบอลระดับทีมชาติจากโปรตุเกส ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกส ทีมชาติโปรตุเกสมีผลงานสูงสุดก็คือ ได้ที่สาม ฟุตบอลโลก 1 ครั้งในฟุตบอลโลก 1966 ชนะเลิศฟุตบอลยูโร 1 ครั้งในฟุตบอลยูโร 2016 และชนะเลิศยูฟ่าเนชันส์ลีก 1 ครั้งในยูฟ่าเนชันส์ลีก 2019 รอบสุดท้าย ในฟุตบอลโลก โปรตุเกสยังไม่เคยได้แชมป์โดยเคยได้เพียงอันดับที่ 4 ในฟุตบอลโลก 2006 เข้าแข่งฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี ค.ศ. 1966 ที่เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย (ที่ 3) แพ้ให้กับอังกฤษ 2–1 ต่อมาโปรตุเกสติดเข้ารอบฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1986 และ 2002 แต่ก็ตกรอบไปตั้งแต่รอบแรก

ปี ค.ศ. 2003 สหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกสตัดสินใจจ้างลูอิส ฟีลีปี สโกลารี ชาวบราซิลที่เคยนำบราซิล ได้แชมป์ในฟุตบอลโลก 2002 โดยสโกลารีนำโปรตุเกสเข้ารอบสุดท้ายในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 แต่ก็แพ้ต่อกรีซในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งทำให้โปรตุเกสกลายเป็นหนึ่งใน2ประเทศเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่ไม่ชนะในรอบชิงชนะเลิศ(อีกทีมก็คือฝรั่งเศส) และต่อมายังทำให้ทีมเข้าสู่ฟุตบอลโลก 4 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 2006 แต่หลังจากนั้นสโกลารีออกไปในปี ค.ศ. 2008 เพื่อเป็นผู้จัดการทีมเชลซี โดยได้การ์ลุช ไกรอช มาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของทีมชาติโปรตุเกสในปี 2008 และเคยรอซได้นำทีมชาติโปรตุเกสเข้าสู่สุดท้ายในฟุตบอลโลก 2010 ในฟุตบอลโลก 2006 โปรตุเกสได้รับรางวัล “ฟีฟ่าเวิลด์คัพเอนเตอร์เทนเมนต์ทีมอวอร์ด” คือ ทีมที่เล่นได้สนุกเร้าใจที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เป็นทีมสุดท้ายที่ได้รับรางวัลนี้ก่อนที่จะถูกยกเลิกไป โปรตุเกสเป็นแชมป์ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ที่ฝรั่งเศส โดยในรอบชิงชนะเลิศสามารถเอาชนะฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าภาพไปได้ 1–0 ในช่วงทดเวลาพิเศษหลังเวลาการแข่งขันปกติ ในนาทีที่ 109 จากแอแดร์ ถือเป็นรายการใหญ่รายการแรกที่โปรตุเกสคว้าชัยชนะมาได้

ประวัติ โรนัลโด้

ประวัติของโรนัลโด้

โรนัลโด้เกิดและเติบโตบนเกาะมาเดรา และเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรสปอร์ติงลิสบอน ก่อนจะย้ายไปแมนฯยูในปี ค.ศ. 2003 และก็คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย รวมถึงคว้ารางวัลบาลงดอร์สมัยแรกในปี ค.ศ. 2008 ก่อนจะย้ายไปเรอัลมาดริดใน ค.ศ. 2009 ด้วยค่าตัว 94 ล้านยูโร ซึ่งเป็นสถิติโลกในขณะนั้น และคว้าถ้วยรางวัล 15 รายการ รวมถึงแชมป์ลาลิกา 2 สมัย, โกปาเดลเรย์ 2 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 4 สมัย และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 3 สมัย และยังเป็นผู้ทำประตูมากที่สุดตลอดกาลของสโมสร (450 ประตู) รวมถึงคว้าบาลงดอร์เพิ่มอีก 4 สมัย เขาย้ายไปยูเวนตุสใน ค.ศ. 2018 ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร โดย
ถือว่าเป็นนักเตะที่มีค่าตัวสูงที่สุดในการย้ายทีมของสโมสรในอิตาลี และเป็นนักเตะอายุเกิน 30 ปีที่มีค่าตัวสูงที่สุด โดยคว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัย, ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา 2 สมัย และ โกปปาอีตาเลีย 1 สมัย ก่อนจะย้ายกลับแมนฯยูในปี ค.ศ. 2021

โรนัลโด้ ติด ทีมชาติ ชุดใหญ่ครั้งแรกใน ค.ศ. 2003

ในวัย 18 ปี ในปัจจุบันโรนัลโด้เป็นผู้เล่นที่ลงสนามมากที่สุดและทำประตูมากที่สุดตลอดกาลของทีมชาติโปรตุเกส โดยทำประตูแรกได้ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 ซึ่งโปรตุเกสผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมใน ค.ศ. 2008 และใน ค.ศ. 2015 โรนัลโด้ได้รับการยกย่องโดยสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกสให้เป็นนักฟุตบอลชาวโปรตุเกสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โรนัลโด้พาโปรตุเกสคว้าถ้วยรางวัลแรกโดยได้แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ตามด้วยแชมป์ยูฟ่าเนชันส์ลีก 2019 และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 โรนัลโด้เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่มีชื่อเสียงโด่งดังและร่ำรวยที่สุดในโลก ได้รับการจัดอันดับโดยฟอบส์ให้เป็นนักกีฬาที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดใน ค.ศ. 2016 และ 2017 และการจัดอันดับจากอีเอสพีเอ็นให้เป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงที่สุดในช่วง ค.ศ. 2016–19 รวมถึงการยกย่องจากไทม์ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกใน ค.ศ. 2014 โรนัลโด้ถือเป็นนักกีฬาคนที่ 3 และเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ทำรายได้ตลอดอาชีพเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

มาร์โก อาเซนซีโอ

ราชันหวังต่อสัญญอาเซนซีโอก่อนบอลโลก

เรอัล มาดริด ต้องการที่จะลุล่วงการต่อสัญญาฉบับใหม่กับ มาร์โก อาเซนซีโอ ก่อนที่จะฟุตบอลโลกสิ้นเดือนนี้จะมาถึง

มาร์โก

สัญญากำลังจะหมดลงหลังจากจบซีซั่นนี้

ข้อตกลงของแนวรุกวัย 26 ปีที่กำลังจะหมดลงหลังจากจบซีซั่นนี้ แม้ก่อนหน้านั้น อาเซนซีโอ ไม่ค่อยจะมีโอกาสลงสนามให้ คาร์โล อันเชล็อตติ แต่ช่วงที่ผ่านมาแข้งทีมชาติสเปนได้โอกาสบ่อยขึ้นและทำผลงานได้ดีมากยิ่งขึ้น

ตามรายงานจาก มุนโด้ เดปอร์ตีโบ ได้เปิดเผยว่า ราชันชุดขาว ได้เตรียมข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่ให้ อาเซนซีโอ ไว้ให้พิจารณา นอกจากสื่อสเปนเปิดเผยว่าสโมสรดังกรุงมาดริดพร้อมขยายออกไปอีก 2 ปีครึ่งหรือจนกระทั่งกลางปี 2025

อาเซนซีโอ

นักเตะจะพิจารณาสัญญาฉบับใหม่หรือไม่

ทั้งนี้อยู่ที่การตัดสินใจของนักฟุตบอลวัย 26 ปีว่าจะพิจารณาสัญญาฉบับใหม่หรือไม่ โดยทาง โลส บลังโกส อยากจะได้คำตอบก่อนที่นักฟุตบอลจะเดินทางไปเล่นฟุตบอลโลกกับทีมชาติสเปนในช่วงสิ้นเดือนนี้

ที่ผ่านมา อาเซนซีโอ นั้นได้มีข่าวสารกับหลายๆสโมสรที่พร้อมจะดึงไปร่วมทีมแบบไร้ค่าตัวภายหลังจากจบฤดูกาลซีซั่นนี้

คาร์โล อยากให้ อาเซนซีโอ ต่อสัญญากับทีม

อย่างไรก็ดี สื่อสเปนเห็นว่า คาร์โล อันเชล็อตติ อยากให้ อาเซนซีโอ ต่อสัญญากับทีมภายหลังจากช่วงที่ผ่านมานักฟุตบอลค่อยๆได้รับโอกาสลงสนามมากยิ่งกว่าเดิม